พ.ร.บ. กกท. พ.ศ. 2558 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.เป็นต้นไป โดยทางกกท.เตรียมเผยแพร่เนื้อหาในพ.ร.บ.ใหม่ ให้กับองค์การกีฬาทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
นายมนตรี ไชยพันธุ์ รองผู้ว่าการ รักษาการแทน ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. 2558 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงลงพระปรมาภิไธย เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2558 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 26 มี.ค. 2558
สาระสำคัญของพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ได้แก่ การจัดตั้งกองทุน และทุนสำรองของ กกท., การกำหนดให้มีคณะกรรมการ กกท., คณะกรรมการกีฬาจังหวัดในแต่ละจังหวัด, การกำหนดให้แบ่งประเภทของสมาคมกีฬาออกเป็น 3 ประเภท คือ สมาคมกีฬาทั่วไป, สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด และสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย”, และการกำหนดให้จัดตั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติขึ้นใน กกท. เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายเพื่อการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา คุ้มครอง ช่วยเหลือ และจัดสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา ประกอบด้วยเนื้อหา 10 หมวด และบทเฉพาะกาล รวม 138 มาตรา
พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 เป็นการขอปรับปรุง พ.ร.บ. กกท. พ.ศ.2528 ที่ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน ซึ่งมีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน, เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการในการกำกับดูแลการดำเนินงานของสมาคมกีฬา และการกระทำต่างๆของคณะกรรมการสมาคมกีฬา และกรรมการสมาคมกีฬา เพื่อให้การกำกับดูแลการดำเนินงานของสมาคมกีฬาและการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกีฬาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจดทะเบียนจัดตั้งที่ กกท., และเพื่อใช้ในการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา คุ้มครอง ช่วยเหลือ และจัดสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรการกีฬา อาทิ นักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน ผู้บริหารองค์กรกีฬา สมาคมกีฬา ฯลฯ จึงกำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (รวมกองทุนการศึกษาของนักกีฬาฯ และกองทุนสวัสดิการนักกีฬาฯ) ขึ้นใน พ.ร.บ. กกท. ฉบับใหม่ โดยขอรับเงินจากภาษีสุราและยาสูบในอัตรา ร้อยละ 2
“หลังจากนี้แต่ละสมาคมกีฬา “แห่งประเทศไทย” จะต้องไปดูข้อกำหนดและเตรียมแก้ไขข้อบังคับสมาคม เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.กีฬา หลังประกาศใช้ภายใน 180 วัน เพื่อมิให้เกิดปัญหาตามมา แม้ พ.ร.บ. ฉบับนี้ จะมีบทเฉพาะการรองรับแล้วก็ตาม รวมทั้งเรื่องการรับโอนการจดทะเบียนจากเดิมที่ กระทรวงมหาดไทย มาเป็น กกท. ที่จะเป็นนายทะเบียนโดยตรง จากนั้น กกท.จะระดมบุคลากรจากหลายภาคส่วนมาเป็นคณะอนุกรรมการอย่างน้อย 4 คณะ โดยแต่ละคณะอนุกรรมการจะแบ่งหน้าที่กัน ได้แก่ คณะอนุกรรมการดูแลการยกร่างข้อบังคับเกี่ยวกับการจดทะเบียนสมาคมกีฬาและอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการกำกับ ควบคุม สมาคมกีฬา, คณะอนุกรรมการดูแลการดำเนินงานของกองทุน, คณะอนุกรรมการดูแลการออกข้อบังคับที่เกี่ยวกับส่วนงาน กกท. การประชุมกรรมการ กกท. การสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ และคณะอนุกรรมการที่ดูแลการเผยแพร่ทำความเข้าใจ และจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป”
ทั้งนี้ กกท. จะจัดให้มีการนิเทศและประชาสัมพันธ์เผยแพร่พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ให้กับองค์กรกีฬาที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคเพื่อให้รับทราบและถือปฏิบัติโดยทั่วกันทั้ง 5 ภาค ทั่วประเทศ โดยเร็วที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี