มหากาพย์การย้ายทีมของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จบลงในวันเดียวกับที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลงเตะในเมืองไทยเป็นคำรบที่ 6
ความน่าสนใจก็คือ ราฮีม เลือกที่จะปฏิเสธการต่อสัญญาแบบรุนแรงที่สุด ครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล โดยส่วนใหญ่มองว่า ที่เด็กหนุ่มวัย 20 ปีต้องเป็นแบบนี้
เพราะเอเยนต์และระบบฟุตบอลในโลกปัจจุบัน
สารพัดความเห็นเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่สุดท้ายการย้ายทีมก็เกิดขึ้น พร้อมกับทำให้ ราฮีม เป็นนักเตะที่แพงที่สุดอันดับ 7 ของโลก รวมถึงเป็นนักเตะอายุ 20 ปีที่แพงที่สุดในโลก
วันนี้เรารวบรวมเส้นทางจังหวะชีวิตของเด็กหนุ่มจากจาเมก้า ที่อยู่บนหน้า 1 ของวงการลูกหนังเรื่องการย้ายทีมมากว่าครึ่งปี!!!!
8 ธันวาคม 1994
ราฮีม ลืมตาดูโลก ที่คิงสตัน ประเทศจาเมกา จากนั้นครบอครัวก็ได้ย้ายมาอยู่ที่กรุงลอนดอน มหานครที่ไม่เคยหลับไหล เมื่อเขาอายุได้ 7 ขวบ ก่อนจะเข้ามาร่วมทัพ “ทหารเสือราชินี” ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ในปี 2003 ด้วยวัย 9 ขวบ และก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษ ชุดยู-16 ด้วยวัยยังไม่เต็ม 15 ปี
27 กุมภาพันธ์ 2010
ลิเวอร์พูล ในยุคของ ราฟา เบนิเตซ เบียดชนะ แมนฯยูไนเต็ด, อาร์เซนอล และแมนฯซิตี้ คว้าตัว ราฮีม มาร่วมทีม ด้วยค่าตัวเริ่มต้นที่ 500,000 ปอนด์ พร้อมอ็อปชั่น 4-5 ล้านปอนด์ ถ้าหากย้ายทีมในอนาคต ซึ่งในปีนั้นเขาได้เล่นเกมปรี-ซีซั่น พบกับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ในวันที่ 7 สิงหาคม
ราฮีม หนีสโมสรไปให้สัมภาษณ์เรื่องการต่อสัญญากับ บีบีซี ทำให้ถูกแฟนบอลโกรธไปทั้งโลก
กันยายน 2010
ราฮีม พังประตูแรกในทีมเยาวชนของลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ ในเกมกับ ฮิบเบอร์เนี่ยน จากสก็อตแลนด์ ก่อนจะประเดิมลงเล่นเกม พรีเมียร์ อะคาเดมี่ ลีก กับ แอสตัน วิลล่า
14 กุมภาพันธ์ 2011
เขาสังหารคนเดียว 5 ประตู ก่อนพาทีมไล่ต้อน เซาธ์เอนด์ กระจุย 9-0
24 มีนาคม 2012
บนวัย 17 ปี 107 วัน ราฮีม กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ของสโมสร ที่ได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ เมื่อลงสำรองในเกมกับ วีแกน ก่อนจะลงเล่นอีก 2 นัดในปีนั้นกับ ฟูแล่ม และเชลซี
2 สิงหาคม 2012
เขาได้ลงเล่นเกมยุโรปนัดแรก ด้วยการเป็นตัวสำรองแทนที่ โจ โคล ก่อนที่ชนะ โกเมล 1-0 ก่อนที่จะพังประตูแรกในทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จในเกมอุ่นเครื่องกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จากเยอรมนี จากนั้นเขาได้ลงเล่นตัวจริงนัดแรกเมื่อ 23 สิงหาคม ในการเจอกับ ฮาร์ทส์ ศึกยูโรป้าลีก ซึ่งทีมชนะ 1-0
26 สิงหาคม 2012
ราฮีม ประเดิมสนามเป็นตัวจริงนัดแรกของฟุตบอลลีก ในการดวลกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนเสมอกันดุเดือด 2-2
2 กันยายน 2012
ลงเล่นทีมชุดใหญ่ครบ 90 นาทีเป็นครั้งแรก ในเกมแพ้ให้กับ อาร์เซนอล
วันเปิดตัวเสื้อใหม่ หน้าตาของเขาบอกบุญไม่รับเอาซะเลย
19 กันยายน 2012
เขาถูกเปิดเผยว่า มีลูกสาวอายุ 2 เดือน ชื่อ “เมโลดี้ โรส” โดยแฟนสาวของเขาคือ เมลิสสา คลาร์ก อายุ 23 ปี อาศัยอยู่ที่ท็อกซ์เท็ธ เมืองลิเวอร์พูล
20 กันยายน 2012
เขาพังประตูแรกในทีมชุดใหญ่ ด้วยการสังหาร เร้ดดิ้ง ในนาทีที่ 29 ก่อนทีมจะชนะไปได้ด้วยสกอร์นั้น พร้อมกับทำให้เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ของทีมที่พังประตูได้ในทีมชุดใหญ่
14 พฤศจิกายน 2012
ประเดิมลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ เป็นนัดแรก ด้วยการเป็นตัวจริงในกมบุกไปเยือน ทีมชาติสวีเดน
21 ธันวาคม 2012
เขาเซ็นสัญญาระยาวกับทีม ไปจนถึงปี 2016 พร้อมกับประกาศว่า จะอยู่กับทีมต่อไปอีกนาน
22 มิถุนายน 2013
ราฮีม ส่งข้อความอวยพรวันคล้ายวันเกิดลูกสาว ผ่านทางโซเชี่ยลดังอย่าง “ทวิตเตอร์” แต่ถูก เมลิสสา คลาร์ก แม่ของลูก เขียนข้อความกลับมาว่า “มันน่าอายมาก เพราะลูกสาวของคุณจะครบ 1 ขวบในอาทิตย์หน้า”
18 เมษายน 2014
หลังจากโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมให้กับทีมจนเกือบได้แชมป์พรีเมียร์ลีก เขาติดโผเป็น 1 ใน 6 นักเตะชิงรางวัลดาวรุ่งแห่งปีของ พีเอฟเอ
19 กรกฏาคม 2014
ถูกจับได้ว่า ใช้เสพสารเสพติดคล้ายกับบ้องกัญชา ในบ้านพักของเขา
16 กันยายน 2014
ลงเล่นเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกในชีงวิต ก่อนจะชนะ ลูโดโกเรตส์ ราซกราด แชมป์บัลแกเรีย ไปได้ 2-1 ที่แอนฟิลด์
11 ธันวาคม 2014
มีข่าวว่า ราฮีม ยังไม่ยอมต่อสัญญากับทีม เพราะไม่พอใจค่าเหนื่อย 70,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หลังจากรับอยู่ 30,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยมีข่าวว่า เรอัล มาดริด กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง อยากได้ตัว
14 ธันวาคม 2014
ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ครบ 100 นัด ในการดวลกับ แมนฯยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
20 ธันวาคม 2014
คว้ารางวัล “โกลเด้น บอย อวอร์ด” จากการเลือกของผู้สื่อข่าวในยุโรป และเป็นคนที่ 2 ของอังกฤษ ที่ได้รับรางวัลนี้
5 มกราคม 2015
ลิเวอร์พูล บุกชนะ วิมเบิลดัน 2-1 ในศึกเอฟเอ คัพ ซึ่ง ราฮีม ไม่ได้เล่นเนื่องจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ให้พักหลังจากลงสนามตัวจริงถึง 23 จาก 25 นัด โดยเจ้าตัวเลือกไปที่จาเมก้าบ้านเกิด ก่อนจะมีข่าวว่า ราฮีม เริ่มไม่พอใจกับตำแหน่งที่เขาได้เล่น นั่นคือกองหน้าตัวเป้า ซึ่งเขาอยากเล่นริมเส้น
แฟนบอลวิ่งตามด่า ราฮีม หน้าสนามซ้อม ก่อนที่เขาจะย้ายไป แมนฯซิตี้ สมใจอยาก
9 กุมภาพันธ์ 2015
ร็อดเจอร์ส ออกมากล่าวว่า การเซ็นสัญญากับ ราฮีม น่าจะเป็นสัญญาที่ยิ่งใหญ่แน่นอน
30 มีนาคม 2015
ราฮีม ยังคงไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่ แม้จะมีข่าวว่า ทีมจะให้เงินถึงวีคละ 100,000 ปอนด์ก็ตาม
2 เมษายน 2015
เขาแอบไปให้สัมภาษณ์กับ บีบีซี โดยไม่ได้แจ้งสโมสร พร้อมกับกล่าวเป็นนัย ๆ ว่า จะไม่อยู่ถิ่นแอนฟิลด์ต่อไปค่อนข้างแน่
5 เมษายน 2015
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ออกมาจวก ไอดี้ วอร์ด เอเยนต์ของ สเตอร์ลิ่ง ว่า เป็นตัวการที่ทำให้นักเตะยุคใหม่ไม่มีความจงรักภักดีต่อสโมสร
14 เมษายน 2015
สื่อมวลชนเปิดโปงคลิปวิดีโอลับเฉพาะ ซึ่ง ราฮีม ออกอาการมึนเมาหลังจากเสพแก๊สหัวเราะ (ไนตรัสอ็อกไซด์)ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่า “ฮิปปี แคร็ก (Hippy Crack)”
16 พฤษภาคม 2015
เกมอำลาสนามของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่แอนฟิลด์ ซึ่งหลังเกมแฟนบอลตะโกนด่า ราฮีม ให้รีบต่อสัญญา และอย่าคิดแต่เรื่องเซ็กซ์ รวมถึงเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว
20 พฤษภาคม 2015
แฟนฟุตบอลลิเวอร์พูล วิ่งตามด่า ราฮีม ขณะขับรถออกจากสนามซ้อมเมลวู้ด เพราะมีทีท่าว่า เขาจะไม่ต่อสัญญา ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ไอดี้ วอร์ด ก็มาเจรากับทีมที่เมลวู้ด โดยออกจากสนามหลัง สเตอร์ลิ่ง กลับประมาณ 15 นาที
21 พฤษภาคม 2015
หลังจากมีข่าวหนาหูมาตลอดเรื่องการต่อสัญญา ปรากฏว่า ไอดี้ วอร์ด เอเยนต์ตัวแสบ ออกมาประกาศว่า ราฮีม จะไม่มีการเซ็นสัญญาใหม่กับ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะ 7แสน, 8แสน หรือ 9แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ยังไงก็ไม่เซ็น!
24 พฤษภาคม 2015
แฟนถล่มด่าและโห่ ราฮีม อย่างหนัก เมื่อเขาบอกกับ ร็อดเจอร์ส ว่า ไม่ต้องการลงเล่นอีกต่อไป ทำให้เป็นแค่สำรองในเกมสุดท้ายของซีซั่น กับ สโต๊ค ซิตี้ ก่อนที่สโมสรจะยกเลิกการพูดคุยกับ สเตอร์ลิ่ง และไอดี้ วอร์ด ทันที
8 กรกฏาคม 2015
นับตั้งแต่ตลาดนักบอลเปิด 1 กรกฏาคม มีข่าวว่าการขอซื้อตัว ราฮีม ทั้ง แมนฯซิตี้, แมนฯยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และ เชลซี ก่อนที่เขาจะไม่เข้ามาซ้อมกับสโมสร ที่เรียกนักเตะกลับเมลวู้ด เพื่อเตรียมทีมฤดูกาลใหม่ โดยโทรมาแจ้งว่า ป่วยไม่สามารถมาซ้อมได้
9 กรกฏาคม 2015
เขาไม่โผล่มาสนามซ้อม 2 วันติด พร้อมกับบอกว่า ไม่ต้องการไปเล่นทัวร์เอเชียกับทีม ส่วน ไอดี้ วอร์ด บอกว่า เขาไม่ได้เป็นตัวการในการยุให้ ราฮีม ย้ายทีม ขณะที่แฟนบอลประกาศเขาขายผ่านอีเบย์
10 กรกฏาคม 2015
กลับมาร่วมซ้อมกับทีมเป็นครั้งแรก โดยบอกว่า หายป่วยแล้ว
12 กรกฏาคม 2015
ราฮีม ปฏิเสธการเดินทางมาทัวร์ปรีซีซั่นกับทีม พร้อมกับประกาศว่า เขากำลังจะย้ายไปร่วมทีม แ มนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยราคา 49 ล้านปอนด์
14 กรกฏาคม 2015
ราฮีม เซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 49 ล้านปอนด์ ทำให้กลายเป็นนักฟุตบอลสัญชาติอังกฤษที่แพงที่สุด, เป็นนักเตะอายุ 20 ปีที่แพงที่สุด และเป็นนักเตะที่แพงที่สุดอันดับ 7 ของโลก
มีค่าตัวเท่ากับ ซีเนดีน ซีดาน สมัยครองแชมป์โลก!!!
บี แหลมสิงห์/บันทึก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี