เกมแห่งปัญหาในการคัดเลือก ระหว่าง นิวซีแลนด์ กับ วานูอาตู
ทีมชาติไมโครนีเซีย ที่ลงทำการแข่งขันฟุตบอลในศึก “แพน แปซิฟิก เกมส์” ซึ่งเป็นเกมลูกหนังที่นำทีมส่วนใหญ่เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มาดวลแข้งกันรวมทั้งสิ้น 24 ทีม ซึ่งปีนี้ประเทศปากัวนิวกินี เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน
ปรากฏว่า ในการเตะกลุ่ม เอ ทีมชาติไมโครนีเซีย ปราชัยสุดยับเยินให้กับ ทีมชาติตาฮิติ 0-30 ต่อด้วยแพ้ทีมชาติฟิจิ 0-38 ถือว่ามากที่สุดทุบสถิติโลกเดิมที่เป็นของ ทีมชาติออสเตรเลีย ซึ่งเคยไล่ยิง ทีมชาติอเมริกัน ซามัว 31-0 ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เมื่อปี 2001
ก่อนจะปิดท้ายด้วย การออกทะเลกู่ไม่กลับ เมื่อลงเตะนัดสุดท้ายรอบแรก เจอกับ ทีมชาติวานูอาตู ซึ่งเป็นทีมอันดับที่ 200 ของฟีฟ่าแรงกิ้ง ปรากฏว่า ไมโครนีเซีย แพ้ยับเยินถึง 0-46 โดยมีนักเตะถึง 7 คนที่ทำแฮททริคได้ ซึ่งประตูแรกนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่นาทีที่ 2 ของเกม ส่วนประตูสุดท้ายเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
เด๊คแลน ไวนน์ นักเตะที่ถูกมองว่าผิดกฎฟีฟ่า ของทีมชาตินิวซีแลนด์
แต่กลับถูกปฏิเสธสถิติทั้งหมดจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า
เพราะบอกว่าเป็นบอลที่เตะไม่ได้รับการรับรอง
เนื่องจากเป็นการแข่งขันฟุตบอลคัดเลือก เพื่อโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่นครริโอ เดอ จาไนโร ประเทศบราซิล ปีหน้า ซึ่งจะมีทั้งหมด 16 ทีม เข้าร่วมการแข่งขันจากการคัดทีมมาจากทุกทวีปทั้งโลก
อันนั้นถือว่าจบ แต่เหมือนกับว่า “ยังไม่จบ”
เพราะการคัดเลือกโซนนี้ ได้ผลลัพธ์ตรงที่ ประเทศฟิจิ คว้าสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ หลังจากดวลจุดโทษ เอาชนะ ทีมชาติวานูอาตู ไปได้ 4-3 หลังจากเสมอกันใน 120 นาที 0-0 ในการเตะที่สนามเซอร์ฮูเบิร์ต เมอร์เรย์ สเตเดี้ยม ในพอร์ท โมเรสบี้
ประเด็นปัญหามันอยู่ที่รอบรองชนะเลิศ ในเกมระหว่าง ทีมชาตินิวซีแลนด์ เต็ง 1 กับ ทีมชาติวานูอาตู ที่สนามบิซินี่ สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ปรากฏว่า นิวซีแลนด์ เอาชนะไปได้ 2-0 จากการยิงของ มอนตี้ แพ็ตเตอร์สัน นาทีที่ 47 และ บิลล์ ตุยโลโม่
นาทีที่ 56
ทีมชาติไมโครนีเซีย แพ้เละ 3 นัด แต่ฟีฟ่าไม่รับรองสถิติโดยให้เหตุผลว่า เป็นการคัดโอลิมปิก
อย่างไรก็ตาม เมื่อจบการแข่งขันได้มีการประท้วงกันว่า นิวซีแลนด์ ได้ทำผิดกฎในการส่ง เด๊คแลน ไวนน์ นักเตะในตำแหน่งแบ๊กซ้าย วัย 20 ปี จากสโมสรวันเดอร์เรอร์ส เอสซี ลงทำการแข่งขัน ส่งผลให้ถูกปรับแพ้ โดย ทีมชาติวานูอาตู เป็นฝ่ายชนะไป 3-0 และได้เข้าไปชิงชนะเลิศแทน
เรื่องนี้ สมาคมฟุตบอลนิวซีแลนด์ ได้ทำหนังสือชี้แจงว่า การเข้าร่วมการแข่งขัน และสิ่งที่พวกเขาทำลงไปนั้น ไม่มีเจตนาร้ายในเรื่องต้องการจะทุจริตตัวผู้เล่น
กรณีของ ไวนน์ กลายเป็นผู้เล่นผิดกฎ จากการที่เขาเกิดที่โยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ก่อนจะย้ายมาอยู่ในนิวซีแลนด์ ตอนอายุ 14 ปี แต่ตามกฎฟีฟ่าแล้ว ไวนน์ จะต้องอยู่อาศัยในนิวซีแลนด์ ให้ครบ 5 ปี หลังจากอายุครบ 18 ปี ถึงจะมีสิทธิ์ลงเล่นในนามทีมชาติได้
เรื่องนี้ ยานน์ ฮาฟเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกฎกติกาของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ได้ออกมาเปิดเผยว่า นิวซีแลนด์ ทำผิดในครั้งนี้เนื่องจาก ไวนน์ ผิดกฎข้อที่ 7 เพราะเพิ่งจะอยู่ในนิวซีแลนด์หลังจากกฎเพียง 2 ปีเท่านั้น แต่ยังพอจะมีกฎอีกข้อที่พอจะช่วยเหลือได้ นั่นก็คือกฎข้อที่ 6 นั่นคือมีการรับรองจากสมาคมฟุตบอลจากทั้งสองประเทศ
โดย ฮาฟเนอร์ ได้ยกตัวอย่างของ คริสติยง การอมเบอ อดีตกองกลางพันธุ์ดุทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์โลก ปี 1998 ว่า การอมเบอ เป็นชาวนิว คาเลโดเนีย แต่มาติดทีมชาติฝรั่งเศส เนื่องจากว่า ได้รับการรับรองจากทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ ฮาฟเนอร์ ยังบอกอีกว่า ยังมีทางออกสำหรับ นิวซีแลนด์ ในเรื่องการประท้วง เพราะมีคุณสมบัติเหมาะสม สำหรับรอบคัดเลือกโอลิมปิก จะแข่งขันภายใต้กฎบัตรโอลิมปิก ซึ่งระบุเอาไว้ว่า ผู้เล่นจะต้องเป็นพลเมืองและมีหนังสือเดินทางปัจจุบันของประเทศนั้นๆ
นักเตะทีมชาติฟิจิ ฉลองชัยการเป็นตัวแทนจากแถบแปซิฟิกไปเล่นโอลิมปิกเกมส์
ทำให้โอกาสของ ไวนน์ ที่จะประท้วงยังมีสิทธิ์เกิดขึ้น อาจเป็นไปได้ว่ากฎระเบียบของฟีฟ่าจะถือเป็นโมฆะภายใต้กฎโอลิมปิก
“ฟีฟ่าจะต้องปฏิบัติตามกฎบัตรของโอลิมปิกถ้ามันอยากจะเป็นฟุตบอลเป็นกีฬาของโอลิมปิก”
ทั้งนี้ กฎฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ ที่ริโอ 2016 ได้ระบุเอาไว้ว่า การรับรองเอกสารระบบกล่าวถึงสิทธิ์ของผู้เล่น แต่ไม่ได้พูดถึงความเหมาะสมกฎฟีฟ่าเอาไว้
โดยนักกีฬาทุกคนจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎโอลิมปิกบังคับอยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่จำกัด เฉพาะกฎข้อที่ 41 คือ สัญชาติของการแข่งขัน เฉพาะนักกีฬาผู้ที่ได้ปฏิบัติตามกฎบัตรโอลิมปิก จึงจะมีสิทธิ์ร่วมในการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกเกมส์
ซึ่งฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ รอบสุดท้าย ได้ทีมผ่านเข้ารอบไปแล้วทั้งสิ้น 7 ทีม ประกอบด้วย บราซิล เจ้าภาพ,
อาร์เจนตินา จากโซนอเมริกาใต้, เดนมาร์ก, เยอรมนี, โปรตุเกส และสวีเดน จากยุโรป และล่าสุดคือ ฟิจิ
แม้ว่านาทีนี้ ฟีฟ่า จะปฏิเสธการอุทธรณ์ในเบื้องต้น แต่นั่นหมายว่า กรณีสองกรณีที่เกิดขึ้นในรายการเดียวกันนั้น เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่
อันนี้ก็แล้วแต่ท่านพิจารณา........
กฎบัตรโอลิมปิก หรือ Olympic Charter กฎนี้คือ นิยามแห่งโครงสร้าง เป็นระเบียบและแนวปฏิบัติสำหรับการจัดกีฬาโอลิมปิกและขบวนการโอลิมปิก (Olympic Movement)
กฎนี้มีแก้ไขเพิ่มเติมครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 9 กันยายน
2013 ซึ่ง คณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ (International
Olympic Committee) ได้ตกลงรับกฎบัตรนี้ ที่ได้รับการประมวลในเรื่องของหลักการ, ระเบียบ และข้อบังคับพื้นฐานเอาไว้ในภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษอันเป็นภาษาราชการของกฎบัตร
แต่ถ้าหากเนื้อความทั้งสองภาษาขัดกัน จะถือ “ภาษาฝรั่งเศส” เป็นสำคัญ
ตลอดประวัติศาสตร์โอลิมปิก กฎบัตรโอลิมปิกได้ใช้เป็นเครื่องตัดสินความขัดแย้งทางโอลิมปิกเสมอมา และดังที่กำหนดไว้ในคำปรารภ กฎบัตรมีความมุ่งหมายอยู่ 3 ประการ คือ
1.เพื่อวางหลักการและคุณค่าแห่งความเป็นโอลิมปิก
2.เพื่อเป็นกฎหมายของคณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ
3.เพื่อกำหนดสิทธิและหน้าที่ขององค์กรทั้ง 4 ในขบวนการโอลิมปิก
ซึ่งทั้ง 4 ขบวนการในโอลิมปิก ประกอบด้วย
คณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ, สมาพันธ์ระหว่างประเทศ, คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ และคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิก
ทั้งนี้การจัดระเบียบการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่มีการแข่งขันกันทุกๆ 4 ปี จะอยู่ภายใต้การควบคุม 4 ส่วน ประกอบด้วย
1.กฎบัตรโอลิมปิก
2.คณะกรรมการโอลิมปิกสากล
3.คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ
4.กีฬา
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี