ความคืบหน้ากรณีที่ “สุภาพบุรุษโล่ห์เงิน” สโมสรเพื่อนตำรวจ น้องใหม่แห่งศึกโตโยต้า ไทยพรีเมียรีก ที่ ส่อแววโดนตัดสิทธิ์ลงเล่นในฤดูกาลนี้ หลังมีปัญหาเรื่อง คลับไลเซนซิ่ง ในข้อของการเงิน แต่สุดท้ายทาง ทีพีแอล ก็ยืดเวลาออกมาจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์
ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ในช่วงเช้า“บิ๊กย้อย” พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ประธานสโมสร เพื่อนตำรวจ เดินทางมาสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อยื่นหนังสือให้กับทางบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก ตามกำหนดเวลาที่ให้เดดไลน์เกี่ยวกับการส่งเอกสารเรื่องคลับ ไลเซนซิ่ง โดยยืนยันว่าตอนนี้เอกสารครบหมดแล้ว และได้ชี้แจงปัญหาในเรื่องจำนวนเงินที่ไม่สามารถหาหลักทรัพย์ค้ำประกัน 50 ล้านบาท ที่ทีมไม่สามารถหาได้ภายในเวลาสามวัน
จากนั้นในช่วงบ่าย ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลฯ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด นำโดย “ทนายโบ้” นรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ ประธานคณะกรรมการฉุกเฉิน และทนายความประจำสมาคมฟุตบอลฯ พร้อมด้วย “บิ๊กเปี๊ยก” ดร.องอาจ ก่อสินค้า ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก ได้มีมติการประชุมว่า ไม่สามารถออก “คลับ ไลเซนซิ่ง” ให้สโมสรเพื่อนตำรวจ โดยให้เหตุผลว่า ทีมไม่อาจดำเนินการในส่วนของเงินประกันทีม ที่เพิ่มขึ้นมา 50 ล้านบาท ส่งผลให้ “สุภาพบุรุษโล่ห์เงิน” ไม่สามารถส่งทีมเข้าแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก 2016 ได้ทัน และจะทำให้ในฤดูกาล 2016 สโมสรเพื่อนตำรวจ จะถูกพักสิทธิ์ 1 ปี
อย่างไรก็ตาม บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด จะให้เวลาเพื่อนตำรวจในการทำคลับ ไลเซนซิ่ง ใหม่เป็นจำนวนครึ่งเลกแรก เพื่อรักษาสิทธิ์ในการลงเตะลีกดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล 2017 ต่อไป
ทั้งนี้จากเหตุดังกล่าวจะทำให้ สโมสร “บิ๊กแบง”บีบีซียู เอฟซี อันดับ 4 ในศึก ยามาฮ่าลีกวัน ที่จะได้โควตาขึ้นมาเล่นในศึก ไทยพรีเมียร์ลีก แทนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี