จัตุรัสแรตส์ซาอุคุมส์ มีทั้งโบสถ์เซนต์ปีเตอร์อยู่ซ้าย ตึก ชเว้บ เฮ้าส์ และ เฮ้าส์ ออฟ แบล็คเฮดส์ เป็นสัญลักษณ์สำคัญของริก้า
ตลอดสัปดาห์ที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ดินแดนหลังม่านเหล็กอย่าง กรุงริก้า ประเทศลัตเวีย
กับการเดินทางไปทำข่าวการแข่งขันฟลอร์บอลชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 11 ซึ่งเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ทีมชาติไทย สามารถตีตั๋วเข้าสู่การแข่งขันเป็นครั้งแรก
ทีมฟลอร์บอลไทย ภายใต้การดูแลของสมาคมกีฬาฮอกกี้แห่งประเทศไทย ในยุคของ “บิ๊กแน็ต” ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ซึ่งมี บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ให้การสนับสนุนหลัก ก็ประสบความสำเร็จแบบเกินคาด
เมื่อเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย-โอเชียเนีย เมื่อคว่ำทั้ง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ได้สำเร็จ อย่างที่เขียนไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนวีคนี้อยากนำประเทศนี้มานำเสนอ เนื่องจากหลายคนแทบจะ“ไม่รู้จัก”ประเทศนี้ด้วยซ้ำ บอกใครว่าจะไป “ลัตเวีย” มีเกินครึ่งที่ย้อนกลับว่า “รัสเซีย....เหรอ???”
ประเทศนี้อยู่ตอนเหนือของยุโรป เป็นหนึ่งใน 10 ชาติของยุโรปตะวันออก เคยอยู่ภายใต้สหภาพโซเวียต อยู่ยาวนานกระทั่งการล่มสลายของขาใหญ่รายนี้เมื่อ 26 ธันวาคม 1991 ก่อนจะรวมตัวกับ เอสโตเนีย และลิทัวเนีย เป็นประเทศในกลุ่มบอลติก จากนั้นได้เข้าเป็นหนึ่งในสมารชิกของสหภาพยุโรป หรือ อียู อย่างสมบูรณ์เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ในวันที่ 1 พฤษภาคม และเข้าร่วมกับสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ในปีเดียวกัน
แน่นอนพวกเขาใช้เงินยูโร และปกครองแบบประธานาธิบดี
ประเทศนี้ไปยาก น้อยคนนักที่คิดจะไปเที่ยวแล้ว “จะไปลัตเวีย” ที่สำคัญ สถานทูตในเมืองไทยก็ยังไม่มี หากจะทำวีซ่าเข้าประเทศ ก็ต้องทำวีซ่าของ สวีเดน, ฟินแลนด์ มาแทนเป็นต้น
เมื่อได้ไปสัมผัสจึงรู้ว่า ไปยากและน่าจะไม่เป็นที่รู้จัก เพราะได้รับการยืนยันจากคนไทยที่นั่นว่า มีชาวสยามประเทศอยู่เพียง 20 คนเท่านั้น
ส่วนใหญ่ก็มีเปิดร้านอาหาร, แพทย์, นักศึกษา, อาศัยแบบถาวร และนวดแผนไทย
ร้านอาหารไทย ที่พบ 1 ร้านในริก้า คือ Thai Spice Fusion ใช้กุ๊กเป็นคนท้องถิ่น แต่เจ้าของเป็นคนไทย และมีรสชาติที่อร่อยมาก ให้เลือกทั้งเผ็ด, เผ็ดมาก แถมมีทั้งส้มตำ และข้าวเหนียวด้วย เปิดตั้งแต่ 10 โมงจนถึง 2 ทุ่ม
ห่างกันไม่เกิน 1 ไมล์ มีร้านนวดแผนไทย กลับกันคือ ที่นี่เจ้าของเป็นคนลัตเวีย แต่คนนวดเป็นคนไทย สนนราคาคือ ชั่วโมงละ 50 ยูโร แต่ถ้าสองชั่วโมง ราคา 65 ยูโร เปิด 10 โมงถึง 5 โมงเย็น
ช่วงที่ไปนั้น พระอาทิตย์ทำงานน้อยมาก เนื่องจากอากาศหนาวเหน็บ ต่ำสุดคือ -12 บางวันกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น ต้องรอถึงเกือบเที่ยง
แต่ที่แน่ๆ ไม่เกิน 4 โมงเย็น พระอาทิตย์ตก และมืดสนิทเหมือน 4-5 ทุ่มเลยทีเดียว
คิดเอาแล้วกันว่า กว่าเครื่องบินจะมุ่งจาก รัสเซีย ไป ลัตเวีย ต้องใช้น้ำอุ่นฉีดมาที่ปีกเครื่องบินที่หนาวเหน็บจนน้ำแข็งเกาะ เพื่อให้น้ำแข็งละลาย ไม่สร้างความวุ่นวายระหว่างบิน รวมไปถึงใช้รถตักดิน มาตัดหิมะทิ้งจากรันเวย์
การเดินทางขาไปก็คือ จาก ไทย ไป รัสเซีย 10 ชั่วโมง ต่อด้วย รัสเซีย เข้า ลัตเวีย อีก 1 ชั่วโมง 25 นาที แต่ขากลับ รัสเซีย มา ลัตเวีย 1.45 น. แต่ รัสเซีย กลับไทย 8 ชั่วโมง 40 นาที
ขากลับนี่พีคมาก เพราะ รัสเซีย ที่วันนั้นลบกระฉูดถึง -17 องศา ต้องรอเป็นชั่วโมงกว่าจะเคลียร์น้ำแข็งบนปีก และหิมะออกจากรันเวย์ได้
...ในปีนี้ ลัตเวีย อากาศสูงสุดอยู่ที่ 30 องศา แต่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงในเดือนพฤษภาคม จากนั้นอากาศสูงสุดคือ 26 องศา และพระอาทิตย์ทำงานหนัก ตี 5 สว่างแล้ว ก่อนจะตกก็เกือบ 5 ทุ่มเลยทีเดียว
ในเรื่องของอาหารการกินถือว่าโอเคมากๆ หากคุณเคยไปเที่ยวอังกฤษ หรือ เยอรมนี รวมถึงแถบสแกนดิเนเวีย เทียบกับที่นี่แล้ว ราคาต่างกันลิบลับ คิดง่าย ๆ อาหารไทยที่นี่จานละประมาณ 200-240 บาท แต่ถ้าที่อังกฤษนี่ทะลุไปเกือบ 500 บาท หรือจะเช่ารถเหมาตลอดทั้งวันที่นี่ราคา 7,000 บาท แต่ที่ สวีเดน ชั่วโมงละ 5,000 บาท
หรือจะเป็นร้านอาหารที่เจอได้โดยทั่วไป เลือกจิ้มได้จานนึงประมาณ 6 ยูโรก็อิ่มหนักแล้ว ที่สำคัญคนที่นี่นิยมกินข้าวด้วย หากคุณเลือกที่จะกินหมูอบ หรือเนื้ออบ จะมีให้เลือกระหว่าง ข้าว หรือ เฟรนช์ฟราย
ร้านสะดวกซื้อของที่นี่คือ Narvesen ที่กระจัดกระจายเต็มไปหมด แทบจะทุกซอกทุกซอย เล็กใหญ่แล้วแต่สถานที่นั้นๆ แนะนำไส้กรอกพันเบคอนแทรกกลางไปที่ขนมปังอบกรอบ ราดซอสได้ 4 แบบ แถมด้วยซอสมะเขือเทศ นี่อร่อยโลด ราคา 1.50 ยูโรเท่านั้นแต่อิ่มยาว
ข้าวราดกะเพราของลัตเวีย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีห้างต่างๆ มากมาย แม้จะไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็สามารถทำลายล้างสะตุ้งสตางค์ในกระเป๋าทุกคนได้อย่างสบายๆ อาทิ ห้าง Olympus ที่มีร้านกีฬาดังอย่าง sport direct ข้ามห้วยจากอังกฤษมาตั้งอยู่ที่นี่
ด้วยพื้นที่ที่ไม่ได้ใหญ่โตมาก ลัตเวีย ที่มีประชากรเพียง 1.9 ล้านคนทั้งประเทศ ทำให้กรุงริก้า อากาศดีมาก แทบไม่มีควันรถ การจราจรสะดวกสบาย และรถโดยสารสาธารณะใช้รถรางระบบไฟฟ้า ส่วนใหญ่ใช้สุภาพสตรีเป็น พขร.
เมื่อคุณลงเครื่องบินที่ลัตเวีย จะต้องเดินเท้าฝ่าลมหนาวเข้าอาคาร
ยิ่งไปกว่านั้น คำว่า “เที่ยวริก้าวันเดียวครบ” ขอตอบเลยว่า “จริง” หากท่านใช้แอพฯวัดการเดินของท่านจะใช้การเดินประมาณ 25,000 ไม่เกิน 30,000 ก้าว ท่านจะเดินครบทุกแห่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญใจกลางเมืองริก้า หรือที่เรียกว่า Riga Old Town ได้อย่างไม่ยากเย็น
สรุปได้ว่า นี่คือเมืองที่สงบ เรียบง่าย แต่คลาสสิก
ที่สักครั้งในชีวิต...คุณควรไปสัมผัส!!!
อนุสาวรีย์แห่งอิสรภาพของลัตเวีย
ทีมฟลอร์บอล ชุดลุยชิงแชมป์โลก ที่ลัตเวีย
Legend of the cats
‘ตำนานบ้านน้องแมว’
.......นี่คือ 1 ใน 10 อาคารคลาสสิกแห่งลัตเวีย
ภาษาถิ่นคอลลิ่งว่า “Kau nams” หรือ “The Cat House”
แปลไทยคือ บ้านตำนานแมว
ตำนานคลาสสิก มีที่มาแบบปากต่อปาก 2 แบบ ลองดูฮะว่าอันไหน
1.บ้านตำนานแมวมีอยู่ว่า พ่อค้ามหาเศรษฐีประดามีเงินตรา จงใจสร้างตึกและปั้นรูป “แมวโมโห” ฮึ้ยยยยยยยัวะ โมโหโมโห!!!
หน้าแมว(ไม่ใช่ไอ้หน้าแมว) หันไปทางอาคารป้อมปืนของรัฐบาล ส่วนหางแมว ชี้เด่ไปที่ศาลากลางจังหวัดริก้า
เนื่องจากข้อพิพาทของเศรษฐี กับสภาเทศบาลเมืองริก้า เรื่องสนับสนุนการก่อสร้างอาคารบ้านแมว…งานนี้ผู้รับเหมาแหงๆ
2.พ่อค้าผู้มั่งคั่งพอตังค์มี ก็กลายเป็น “คนเล็กอยากใหญ่” อยากเป็นสมาชิกของสมาคมไฮโซอย่าง The Great Guild แต่ทางสมาคมไม่ยอม เพราะไร้รากเหง้าชาวผู้ดียี่สิบสี่สาแหรก…แกเลยยัวะ
ลงทุนสร้างอาคารนี้ขึ้นมาใหญ่โตสวยงาม แล้วมีรูปปั้นแมวอยู่บนยอด แล้วหันก้นใส่อาคารของสมาคมไฮซ้อ
สุดท้ายสมานฉันท์กัน ก็ได้มีการย้ายก้นแมว ไปทางทิศอื่น เพราะพ่อค้ามหาเศรษฐี ได้เข้าร่วมสังฆกรรมกับแก๊งไฮซ้อ
.......จะอย่างไรก็ดี คนที่นี่ถามดูแล้ว เค้าเชื่อว่าเป็นข้อ 2 และที่แน่ๆ อาคารนี้สร้างขึ้นเมื่อ ปี 1909 ก่อนจะโดนถล่มเละในปี 1954 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ก่อนจะบูรณะขึ้นมาใหม่เหมือนเดิมเป๊ะ เมื่อปี 2000
ซึ่งตอนนี้ “น้องแมว” เลยกลายเป็นของขวัญของฝากของที่ระลึกจากริก้าซะงั้นแหละ!!
บี แหลมสิงห์
Made in Latvia
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี