อเล็กซิส ซานเชซ แกนรุกคนใหม่เจ้าของสถิติค่าเหนื่อยแพงที่สุดของเกาะอังกฤษ
ประเดิมนัดแรกให้กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะจบงานไม่ยาก เมื่อปราบ โยวิล ทาวน์ เจ้าถิ่นของ ลีก ทู หรือดิวิชั่น 4 ไปแบบสกอร์เท่ากับดิวิชั่น นั่นคือ 4-0 ในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อวันศุกร์ที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา
อเล็กซิส ดาวเตะทีมชาติชิลี บนวัย 29 ปี ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะนี่คือแม่ทัพคนสำคัญของ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล และจะเป็น “จิ๊กซอว์” สำคัญหรือไม่กับ ยูไนเต็ด
ว่ากันถึงสัญญาครั้งนี้ แมนยูฯ ต้องจ่ายเงิน 20 ล้านปอนด์ บวกกับ เฮนริค มาคิตาร์ยาน ดาวเตะอาร์เมเนีย แถมไปอีกคน โดยที่ เฟร์นานโด เฟลิเซวิช เอเย่นต์ของอเล็กซิส รับเงินกินเปล่า 15 ล้านปอนด์ พร้อมกับใส่เบอร์ 7 ของแมนยูฯ ด้วยสัญญา 4 ปีครึ่ง โดยมีข่าวว่า เขาได้ค่า “ภาพลักษณ์” หรือ Image Rights สูงถึง 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
รวมแล้วเขารับค่าเหนื่อยตามข่าวที่ออกมาสูงสุด “ก่อนหักภาษี” อยู่ที่ 600,000 ปอนด์ และยืนยันว่าเมื่อ “หลังหักภาษี” เขาจะได้เงินสัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์
แพงสุดของอังกฤษประเทศ
น่าสนใจก็คือ อเล็กซิส ที่เป็นแนวรุกที่จัดจ้าน ถูกมองว่า “จะเล่นในตำแหน่งไหน”
แน่นอน โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือแมนยูฯ ในฐานะคนสั่งของมาเสริมทีม ก็ต้องยกย่องนักเตะตัวใหม่เอาไว้ก่อน และยืนยันว่า อเล็กซิส สามารถเล่นเกมรุกได้ถึง 4 ตำแหน่ง
คำพูดของ มูรินโญ่ ที่ปกติจะเป็นประเภทเดียวกับ โมฮัมหมัด อาลี แต่คราวนี้ต้องยอมรับว่า “ใช่”
อเล็กซิส สามารถเล่นเกมรุกได้ 4 ตำแหน่งจริงๆ นั่นคือ เดินเกมทางขวา, เดินเกมทางซ้าย, เดิมเกมตรงกลาง และกองหน้าตัวเป้า
ซึ่งเขาแสดงให้เห็นมาแล้วตั้งแต่อยู่กับ อูดิเนเซ่, บาร์เซโลน่า, อาร์เซนอล และทีมชาติชิลี
ภาพที่ชัดเจนที่สุดตอนนี้คือ ตอนเขาลงเล่นให้กับ อาร์เซนอล
อาร์แซน เวนเกอร์ ยึดระบบ 4-2-3-1 มาโดยตลอด พร้อมกับวางให้ อเล็กซิส ยืนตรงกลางของ “เลข 3” นั่นคือ กองหน้าตัวต่ำ หรือจะเรียก มิดฟิลด์ตัวรุก ก็ว่าได้
แต่เมื่อช่วงปลายซีซั่นที่แล้ว เวนเกอร์ เปลี่ยนทีมมาเล่น 3-4-2-1 จนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่ง อเล็กซิส อยู่ในตำแหน่ง “เลข 2” หากไม่เจ็บจะยืนคู่กับ เมซุต โอซิล
บี แหลมสิงห์
เมื่อกลับมามองที่ ยูไนเต็ด ปีนี้สูตรการเล่นปรับไปเรื่อยๆ ชัดเจนที่สุดคือ 3 แผน เริ่มจากเปิดซีซั่น 4-3-3 ก่อนจะปรับมาเล่น 3-4-3 เพราะอาการบาดเจ็บของมิดฟิลด์ ก่อนจะมาเป็น 4-2-3-1 ในช่วงหลัง
ส่วนเกมล่าสุดในศึกเอฟเอ คัพ กลับไปเล่น 4-3-3 โดย อเล็กซิส เล่นเป็น “เลข 3” ในเกมรุกอยู่ด้านซ้าย
แต่ยังตัดสินอะไรไม่ได้ เพราะ โยวิล ทาวน์ ห่างชั้นกันเยอะ
ถึงตรงนี้เมื่อถามว่า อเล็กซิส ควรเล่นตรงไหนเพื่อประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากที่สุด คำตอบก็คือ กองหน้าตัวต่ำนี่แหละ
แผนที่เหมาะสมก็คือ 4-2-3-1 หรือ 4-3-1-2 ก็แล้วแต่ ซึ่งเขาจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก
ในช่วงหลัง อเล็กซิส กับ อาร์เซนอล ดูเหมือนกับว่า เขาต้องรับผิดชอบมากเกินไป การเล่นหลังกองหน้าพร้อมกัน 2 คน เหมือนกับว่าจะได้ช่วยกัน แต่จริงๆ แล้ว พลังงานที่ใช้ บวกกับบอลมาหาบ่อย วิ่งหาพื้นที่ จนกระทั่งเมื่อถึงพื้นที่สุดท้ายจริงๆ ก็ตื้นตันคิดอะไรไม่ออก
เหมือนกับว่าได้บอลบ่อย แต่มันด้อยประสิทธิภาพ
เชื่อว่า มูรินโญ่ คงจะดูออก เพราะเขามีออปชั่นแนวรุกมากมาย สามารถกระจายการเล่นได้มาก และสูตรที่ดูเหมาะสุดนั่นคือ 4-2-3-1 เหมือนกับที่ฟอร์มดีในช่วงหลัง
ปอล ป๊อกบา เป็นตัวเดินเกม โดยมี เนมานญ่า มาติช เป็นคนช่วยคุมจังหวะ ส่วนเกมรุก อเล็กซิส อยู่ตรงกลาง โดยมี ฆวน มาต้า กับ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล ขนาบข้าง ส่วนหน้าเป้าถ้ารำคาญ โรเมลู ลูกาคู ก็กล้าๆ ใช้ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะได้เล่นตำแหน่งธรรมชาติของเขาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มูรินโญ่ เมื่อเขามีอาวุธที่บอกว่าทำสงครามกับใครก็ได้แบบนี้ ต้องใช้แผนที่กล้าบุกกล้าลุย เหมือนกับช่วงเปิดซีซั่น รับรองว่าใครเจอก็ต้องร้องทั้งนั้น
แต่ถ้าเล่นกล้าๆ กลัวๆ เป็นกับ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ต่อให้ได้นักเตะยืนตามจุด ยืนตามตำแหน่ง ยืนตามธรรมชาติแค่ไหน หากไม่ได้ใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ก็ไม่เกิดประสิทธิผลขั้นสูงสุด....
อยู่ดี!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี