เทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referee) ได้ถูกนำมาใช้ในศึก ไทยลีก ฤดูกาลนี้ เพื่อช่วยในการตัดสินใจของกรรมการให้มีความเที่ยงตรงและแม่นยำมากที่สุด
ถึงเวลานี้ ศึกลูกหนัง ไทยลีก ฤดูกาล 2018 ก็ได้ฤกษ์เปิดฉากฟาดแข้งกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันศุกร์ และเสาร์ที่ผ่านมา โดยฤดูกาลนี้บอกเลยว่านี่น่าจะเป็นศึกลูกหนังไทย ที่น่าจับตามองสุดๆ เพราะมีอะไรให้ชวนน่าติดตามกันไม่น้อย
อย่างแรกที่มีการเพิ่มเข้ามา คือเราจะได้เห็นการนำเทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referee) มาใช้ใน ไทยลีกด้วย แม้จะยังไม่นำมาใช้แบบเต็มรูปแบบก็ตามที รวมถึงการเพิ่มผู้ตัดสินอีก 2 คน อยู่หลังประตูเพื่อช่วยในการตัดสินใจของกรรมการให้มีความเที่ยงตรงและแม่นยำมากที่สุด
แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความพยายามที่ดีในการแก้ไขปัญหาความผิดพลาดในการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน แต่จะเวิร์กหรือไม่ต้องดูการใช้งานจริงในสนามก่อน ซึ่งหลายท่านคงได้เห็นไปแล้ว หลังประเดิมใช้ไปแล้วในเกมที่ แบงค็อกฯ ดวลกับ เมืองทองฯ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
อีกอย่างที่น่าสนใจสุดๆ คือฤดูกาลนี้ ได้เปิดให้ใช้แข้งโควตา อาเซียน มาเป็นครั้งแรก ซึ่งก็มีถึง 12 สโมสร ตอบรับ อย่างที่ฮือฮาสุดๆ เวลานี้คงหนีไม่พ้น อ่อง ธู ดาวยิงทีมชาติเมียนมา ที่ย้ายมาค้าแข้งกับ โปลิศ เทโร เอฟซี เรียกว่า แค่ลงเล่นเกมอุ่นเครื่อง สนามบุณยะจินดา ก็มีแฟนบอลเมียนมา ตามมาให้กำลังใจกันล้นสนามแล้ว ไม่อยากคิดถึงวันแข่งจริงจะขนาดไหน
ขณะเดียวกันก็จะมีสโมสรที่ต้องอกหักดังป๊อกร่วงตกชั้นถึง 5 ทีม ไม่ใช่ 3 ทีมเหมือนเช่นเคย ซึ่งนั่นทำให้เชื่อว่าจะทำให้หลายทีมในโซนท้ายตารางจะต้องสู้แบบไม่คิดชีวิตอย่างแน่นอน โดยเฉพาะ 3 ทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาอย่าง พีที ประจวบ เอฟซี, ชัยนาท ฮอร์นบิล และ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล รวมถึงทีมอย่าง ราชนาวี, อุบล ยูเอ็มที, สุโขทัย เอฟซี และนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ฤดูกาลก่อนก็ลุ้นกันเยี่ยวเหนียวกว่าจะเอาตัวรอดมาได้
เห็นทีมในโซนท้ายตารางอย่าคิดว่าพวกเขา ไม่ใช้เงินลงทุนเยอะนะครับ แต่ละองค์แต่ละท่าน ไม่มีใครจ่ายลงทุนน้อยกว่า 80-100 ล้านบาทเลย ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อสัก 4-5 ปีที่แล้ว นี่มันเงินสำหรับทีมที่ลงทุนเพื่อลุ้นแชมป์กันชัดๆ
ส่วนทีมที่ต้องการลุ้นแชมป์ในเวลานี้นะเหรอ ในยุคเงินเฟื่องของลูกหนังไทยเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องทุ่มทุนกันสูงทะลุ 300-400 ล้านบาท เข้าไปแล้วแทบทั้งนั้น ซึ่งอีกไม่นาน หากไม่เกิดเหตุวิปโยค เราคงได้เห็นตัวเลข ครึ่งพันล้าน สำหรับการทำทีมฤดูกาลเดียวอย่างแน่นอน
แชมป์เก่าอย่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ฤดูกาลนี้อาจไม่ได้มีบิ๊กดีลเรียกเสียงฮือฮามากนัก แต่ด้วยระบบการจัดการภายใต้การนำของ “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร ที่ออกมาประกาศเสียงดังว่าจะปั้นแข้งจากอคาเดมี่สโมสรให้ก้าวขึ้นมาสู้ชุดใหญ่ ก็เชื่อได้เลยว่ามีศักยภาพเต็มเปี่ยมในการป้องกันแชมป์ปีนี้ เพราะระบบเยาวชนของบุรีรัมย์แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างล่าสุดก็เพิ่งคว่ำ เมืองทอง คว้าแชมป์ โค้กคัพ ยู19 ไปครองได้สำเร็จ และนั่นทำให้สามารถหยิบจับดาวรุ่งขึ้นมาใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วน เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด นี่อาจจะเป็นฤดูกาลวัดใจเลยก็ว่าได้ เมื่อภารกิจทวงแชมป์ของเขานั้นหนักไปเท่าตัวจากการเสียแข้งตัวหลักทีมชาติไทยที่พาเหรดออกไปค้าแข้งต่างแดนทั้ง “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา, “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน, “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ รวมถึง “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ยังอยู่ในสัญญายืมตัวปีครึ่งกับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร่ รวมไปถึงยังต้องโชคร้ายเสีย อดิศักดิ์ ไกรษร กองหน้าหมายเลข 9 ที่เจ็บจากฟุตบอลประเพณี ต้องพักยาวครึ่งปีอีก ซึ่งก็ต้องวัดที่มันสมองของ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน รวมถึงทีมงานว่าจะบริหารจัดการทรัพยากรที่เหลืออยู่อย่างไรในการทวงแชมป์คืน
ขณะที่ทีมที่น่าจับตามองที่สุดในฤดูกาลนี้ คงหนีไม่พ้น “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี หรือที่มีคนแซวว่า นี่คือสโมสร “มาดามแป้ง แซงต์ แชร์กแมง” หลังจากจัดหนักจัดเต็มคว้าแนวรุกมาแบบสุดโหดทั้ง นูรูล ศรียานเก็ม จาก ชลบุรี เอฟซี ถึง 30 ล้านบาท บวกกับ ดราแดน บอสโกวิช ที่ซัดทะลุ 40 ตุง กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ด้วยค่าตัวสถิติไทยลีกถึง 120 ล้านบาท
ยังไม่รวม เควิน ดีรมรัมย์ แบ๊กซ้ายทีมชาติไทยชุดยู 23 ที่คว้ามาจาก ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ด้วยค่าตัว 40 ล้านบาท และแข้งดาวเด่นอีกหลายรายทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งต่อให้ไม่ประกาศตัวว่าพร้อมลุ้นแชมป์ แต่ก็มีแฟนท่าเรือหลายคนแอบหวังถึงเซอร์ไพรส์แน่นอนเพราะแข้งใหม่แต่ละคนที่ได้มาไม่ธรรมดาจริงๆ ยิ่งมี “เซอร์เดจ” จเด็จ มีลาภ กุนซือมากฝีมือคุมทัพอยู่ด้วย เชื่อว่าแฟนนบอลคงได้ลุ้นกันยาวๆ แน่
ส่วนทีมยักษ์ใหญ่อื่นๆ ที่น่าจับตาก็ทั้ง คือ “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่ฤดูกาลนี้นอกจากจะเปลี่ยนสังเวียนเหย้า ลีโอ สเตเดี้ยม ให้เป็นหญ้าจริงแล้ว ยังเสริมทัพคว้า 2 แข้งสุดแกร่ง อย่าง มาริโอ ยูรอฟสกี้ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มาได้อีก หรืออย่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ก้าวกระโดดต่อเนื่องและมีพัฒนาการชัดเจนในฤดูกาลก่อนที่จบด้วยการมีหนึ่งแชมป์บอลถ้วยติดมือ ก็ได้ เคลตัน ซิลวา ดาวยิงชื่อดังนำทัพเช่นกัน
“แข้งเทพ” แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ฤดูกาลนี้ต้องเสีย 3 ทหารเสือ ทั้ง บอสโควิช, ยูรอฟสกี้ และ เจย์ซีย์ จอห์น นั้นพวกเขาก็ถือว่ายังอยู่น่าจับตาเหมือนเดิม เนื่องจากได้ 3 แข้งแซมบ้า ทั้ง วานเดอร์ หลุยซ์, เอเวอร์ตัน กอนคาลเวส และ ร็อบสัน แฟร์นานเดส มาเสริมทัพ ซึ่งเชื่อว่ายังคงความอันตรายสไตล์เกมรุกจัดเต็มของ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือชาวเยอรมัน อย่างแน่นอน
และนี่คือทั้งหมด ที่เราจะได้ติดตามชมกันอีก 8 เดือนต่อจากนี้ เรียกว่าแฟนบอลคงได้เต็มอิ่มกันอย่างแน่นอน
เอาหละ สัญญามา!!!!!!
กาลอป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี