การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพในเมืองไทย คัมแบ๊กกลับมาบู๊กันอย่างเป็นทางการตามปฏิทินกำหนด
พร้อมกับมีการแถลงข่าวไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมี นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ นายสินธุ พูนศิริวงศ์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย และคุณอัญชัน สันติไชยกูล รองผู้อำนวยการด้านการสื่อสารเพื่อสร้างแบรนด์และบริหารสื่อโฆษณา บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวการจัดการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพเก็บสะสมคะแนน ประจำปี 2561 “ทรู ไทยแลนด์แรงกิ้ง” ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอรีน โดยมีผู้แทนจังหวัดต่างๆ ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอีก 7 แห่งร่วมงาน
การจัดการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2545 โดยปีแรกจัดแข่ง 4 รายการ และมีนักกีฬา 90 คน จนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 16 มีนักกีฬากว่า 300 คน เข้าร่วมการแข่งขัน
เป็นหนึ่งในกีฬาอาชีพนำร่องยุคแรก และสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแรงจนถึงปีปัจจุบัน
ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ นายสกลกล่าวว่า นี่คือเกมที่สำคัญเป็นการพัฒนาวงการสนุกเกอร์อย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปีซึ่งสนุกเกอร์เป็นหนึ่งในกีฬานำร่องของ กกท.ตั้งแต่ยุคแรกจนกระทั่งเป็นอาชีพอย่างเต็มตัว ทำให้ประเทศไทยมีนักกีฬาที่ดีก้าวไปเป็นแชมป์ระดับเอเชีย และต่อยอดด้วยการเล่นระดับอาชีพโลก อย่างต่อเนื่อง ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมจะสนับสนุนต่อไป
บิ๊ก สระบุรี ครองแชมป์ประเทศไทยปีล่าสุด
ขณะที่ นายสินธุ เปิดเผยว่าขอขอบคุณการกีฬาแห่งประเทศไทย และผู้ให้การสนับสนุน รวมถึงจังหวัดเจ้าภาพ ที่เล็งเห็นความสำคัญของกีฬาสนุกเกอร์มาตลอด ร่วมกันพัฒนาการแข่งขันจนเป็นอาชีพอย่างแท้จริง ซึ่งปีนี้จะแข่งขันกันทั้งหมด 7 สนาม กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และในฐานะของนายกสมาคมฯ อยากให้นักกีฬาทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจกับการแข่งขันครั้งสำคัญนี้
ในการดวลคิวปีนี้ รอบสุดท้าย ประกอบด้วย รายการที่ 1 รายการแรกของปีนี้ ในระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์-3 มีนาคม ที่โรงแรมหัวหินแกรนด์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, รายการที่ 2 วันที่ 2-7 เมษายน ที่วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, รายการที่ 3 วันที่ 23-28 เมษายน ที่จังหวัดเชียงใหม่, รายการที่ 4 วันที่ 21-26 พฤษภาคม ที่หอประชุมโรงเรียนเขาสามยอดวิทยา จังหวัดลพบุรี, รายการที่ 5 วันที่ 23-28 กรกฎาคม ที่โรงแรมทินิดี จังหวัดระนอง, รายการที่ 6 วันที่ 13-18 สิงหาคม ที่จังหวัดขอนแก่น และรายการที่ 7 ชิงแชมป์ประเทศไทย วันที่ 17-22 กันยายน ที่คลังพลาซ่า จังหวัดนครราชสีมา
ซึ่งการแข่งขันใน 6 สนามแรกชิงเงินรางวัลรวมสนามละ 1,009,000 บาท ส่วนสนามสุดท้ายชิง 1,262,000 บาท รวมปีนี้ชิงเงินรางวัลทั้งสิ้นถึง 7,316,000 บาท
น่าสนใจอย่างมากว่า ปีนี้จะมีการพลิกผันและมีตัวเลขที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมายเหมือนปีที่แล้วหรือเปล่า
รายการแรกที่พิจิตร เอฟ นครนายก” เทพไชยา อุ่นหนู ดีกรีแชมป์ 6 แดงโลก และมือ 33 ของโลก สะกด “อิศ จันท์” อิศรา กะไชยวงษ์ แชมป์ประเทศไทย 4 สมัย ขาดลอย 4-0 เฟรม โดยใช้เวลาแข่งขันเพียง 58 นาทีเท่านั้น เร็วสุดเป็นสถิติใหม่ในนัดชิงชนะเลิศ
รายการที่ 2 ที่สุรินทร์ “เอฟ นครนายก” ยังคงร้อนแรง เอาชนะ “กร นครปฐม” ภาสกร สุวรรณวัฒน์ 4-1 เฟรม ทำให้ เอฟ คว้าแชมป์มาครองเป็นสนามที่ 2 ติดต่อกัน เป็นดับเบิ้ลแชมป์ครั้งที่สองหลังเคยทำได้มาแล้วเมื่อปี 2554 และเป็นแชมป์แรงกิ้งรายการที่ 11 ในชีวิต
เอฟ นครนายก คว้าแชมป์ 2 รายการ เมื่อปีก่อน
รายการที่ 3 ที่หัวหิน “นุ้ก จันท์” ยุทธภพ ภาคพจน์ ยุติการรอคอย เมื่อครองแชมป์แรกในชีวิต หลังจากปราบ “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล ภู่โอบอ้อม 4-1 เฟรม
รายการที่ 4 ที่ระนอง “หนู ดาวดึงส์” นพดล นภจร ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง 37 นาที คว้าแชมป์สะสมคะแนนครั้งแรกในรอบ 8 ปี ก่อนจะปราบ “รมย์ สุรินทร์” ประพฤติ ชัยธนสกุล ไปได้สุดมันส์ 4-3 ในศึกเจาะเวลาหาอดีต
รายการที่ 5 ที่ลพบุรี ถึงคิวของ “ตัวเล็ก สำโรง” ไพฑูรย์ ผลบุญ แมวเก้าชีวิตที่ออกคิวเชือด นุ้ก สากล” กฤษณัส เลิศสัตยาทร ขาดกระจุย 4-0 เฟรม
ปิดท้ายด้วยรายการที่ 6 ชิงแชมป์ประเทศไทย ที่บางแสน ชลบุรี
“บิ๊ก สระบุรี” อรรถสิทธิ์ มหิทธิ ประสบความสำเร็จ กับแชมป์ที่รอคอยมาโดยตลอด นั่นก็คือครองตำแหน่งแชมป์ประเทศไทย ได้สำเร็จ หลังจาก พิชิต “หยิก สำโรง” พิสิษฐ์ จันทร์ศรี แชมป์อาวุโสโลก 3 สมัยติดต่อกันคนแรกของโลก 4-2 เฟรม ด้วยสกอร์ 73(50)-6, 41-72, 93-35, 65(63)-17, 7-71 และ 81(61)-8
ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ได้โควตาลุยไวลด์คาร์ดทุกสนามเช่นเดิม
ทำให้ บิ๊ก รับเงินไป 200,000 บาท ส่วน หยิก สำโรง รับไป 80,000 บาท สำหรับรางวัลเบรกสูงสุดเป็นของ “ตูน วัดด่าน” เอกรวี อั๊งคำ ทำได้แม็กซิมั่มเบรก 147 แต้ม รับ 20,000 บาท
ซึ่ง “บิ๊ก สระบุรี” กล่าวในวันนั้นว่า ขอมอบถ้วยแชมป์ให้กับคุณแม่ทุกคน และพิเศษสุดก็คือมอบให้คุณแม่ของผม ถือว่าโชคดีที่โปรแกรมแข่งขันที่ต่อเนื่อง ทั้งรายการที่ 4, 5 และ 6 ทำให้ค่อยๆ เล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงแชมป์ในวันนี้ และได้ขึ้นมือ 1 ของประเทศไทยในปีนี้ อีกทั้งบรรยากาศที่สนามแข่งขัน และโต๊ะแข่งขันดีมากๆ ทุกอย่างเป็นใจทั้งหมดจริงๆ ทำให้ผมประสบความสำเร็จในครั้งนี้
ทีนี้น่าสนใจอย่างที่บอกไปว่า การต่อกรในปีนี้ใครจะครองแชมป์ ใครจะถึงฝัน จะมีใครจะยุติการรอคอย หรือใครจะเป็นแชมป์หน้าใหม่
ลุ้นไปพร้อมๆ กันครับชาวสอยคิว!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี