มีโอกาสไปตะลุยอังกฤษ ครั้งที่ 15 ในชีวิต กับการทำทริปน้ำมันเครื่องอิเดมิตสึ ของบริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด ในแคมเปญ “ฉลอง 48 ปีมีเฮ!! ชิงทอง ชิงบิ๊กไบค์ เชียร์สะใจ ศึกแดงเดือด”
ทริปนี้จัดขึ้นรวม 8 วัน 5 คืน ตะลุยเมืองสำคัญอย่าง แมนเชสเตอร์-ลิเวอร์พูล-ลอนดอน พร้อมกับเข้าชมเกมมหาแมทช์ 1 ใน 10 เกมที่ดีที่สุดของโลก ระหว่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด
สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมทริปเฉียดๆ 40 คนที่เดินทางไปในคราวนี้
ซึ่ง คุณสริต กังเกริกกุล ผู้ช่วยประธาน บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด ที่เดินทางไปดูแลตลอดทริป เปิดเผยว่า ถือเป็นการขอบคุณบรรดาลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนน้ำมันเครื่องอิเดมิตสึ และมอบรางวัลให้กับผู้โชคดีที่ใช้ผลิตภัณฑ์
“การไปครั้งนี้ ถือเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญของทุกคน ซึ่ง อิเดมิตสึ เป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พัก และอาหารการกิน รวมไปถึงไฮไลท์สำคัญ นั่นก็คือ การเข้าไปชมศึกฟุตบอลระหว่างแมนฯยูไนเต็ด พบกับ ลิเวอร์พูล ที่เล่นกันได้สนุกและเร้าใจมากๆ ทำให้ทุกคนมีความสุขและได้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมตลอดการเดินทาง สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสในครั้งนี้ เราขอยืนยันว่า จะมีกิจกรรมดีๆ ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน”
มาว่ากันถึงเรื่องของสองทีมยักษ์ใหญ่ ที่ปัจจุบันค้านกับอดีตไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
อดีตที่ผ่านมา จะสลับขั้วกันยิ่งใหญ่ หากแต่ในทุกวันนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ไม่ได้อยู่ในเส้นทางมากอย่างที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์นอกสนาม พวกเขาดูจะประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อเหมือนเดิม
เริ่มจากฝั่ง แมนฯยูไนเต็ด เป็นลำดับแรก
นาทีปัจจุบัน โอลด์ แทรฟฟอร์ด รังเหย้าที่ “ปีศาจแดง” ใช้มาตั้งแต่ 19 กุมภาพันธ์ 1910 กลายเป็นสถานที่สำคัญต่อการเดินทางมาเที่ยวยังอังกฤษ หลายทัวร์หลายทริปตอนนี้ลงในโปรแกรมว่า จะต้องมาทัวร์ที่นี่
ภาษานักเลงเค้าบอกว่า ถ้าไม่ได้มาเที่ยว แวะมาเยี่ยวก็ยังดี
การเข้ามาที่นี่ หมายความว่า อะไร? ก็เพราะที่นี่เสมือนกับคำว่า “สัญลักษณ์ของประเทศ” อีกแห่งไปแล้วในยุคปัจจุบัน
ความโอ่อ่าประดุจชามอ่างยักษ์ ที่จุแฟนบอลได้ถึง 74,994 คน นับเฉพาะวันธรรมดาที่ไม่มีแมทช์แข่งขัน ที่นี่มีจุดแวะพักให้คนถ่ายภาพกับรูปปั้นยอดขุนพลแห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด ถึง 3 จุด, สินค้าในเมกะสโตร์ที่เป็นของตัวเอง และของฝากของขวัญ รวมไปถึงการเข้าไปชมสนาม หรือที่เรียกกันว่า สเตเดี้ยมทัวร์
รูปปั้นมี เซอร์แมตต์ บัสบี้ อยู่ฝั่งอีสต์ สแตนด์, 3 ยอดนักเตะอย่าง จอร์จ เบสต์-เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน-เดนิส ลอว์ ที่ยืนกอดคออยู่ตรงข้าม เซอร์แมตต์ และ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ยืนตระหง่านอยู่ฝั่งนอร์ธ สแตนด์ หรือ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สแตนด์ ในปัจจุบัน
รวมถึงนาฬิกาที่ระลึกความทรงจำเหตุโศกนาฏกรรมที่มิวนิค ปี 1958 ใกล้ๆ กับ เซอร์แมตต์ อีกด้วย
ขณะที่การเข้าสู่สเตเดี้ยม ทัวร์ เงินทองหลั่งไหลมาโดยตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขากำลังเปลี่ยนจากมาตรฐานเดิมก็คือ คนที่แนะนำระหว่างทัวร์
ฟิลลิ่งไม่เหมือนเดิม
การอธิบายสู้รุ่นเก่าไม่ได้ การมีส่วนร่วมกับคนที่เข้ามาถือว่าน่าผิดหวังไปจากเดิม เหมือนกับทำงานให้เสร็จไป ซึ่งงานแบบนี้ ปล่อยให้คนที่ “ทำตามหน้าที่” มาทำงานไม่ได้
อย่าลืมว่า คนที่มา อาจจะเป็น “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ของเขา และช่วงหลังมีหลายที่บ่นว่า ไม่ประทับใจการสเตเดี้ยม ทัวร์ ที่นี่
ที่สำคัญ การจัดวางลำดับค่อนข้างวุ่นวาย ไม่สมูธ รวมถึงการรับทัวร์ที่ต่อเนื่องมากเกินไป ทำให้แทบจะไม่มีเวลาละเลียดความรู้สึก
นี่คือจุดบอดที่เกิดขึ้นในระยะเวลาประมาณปีสองปีที่ผ่านมา
มาถึงเรื่องของแมทช์เดย์ วันแข่งขันจริง ยูไนเต็ด เป็นต้นแบบของเสื้อผ้าที่แฟนฟุตบอลทำขายเอง และการจำหน่ายหนังสือประจำการแข่งขัน หรือ “หนังสือแมทช์เดย์” ที่มีความฉลาดที่ขายแบบแกมบังคับพร้อมกับหนังสือรายเดือนของสโมสรในแพ็กเกจเดียวกัน
โดยเฉพาะเกมแดงเดือดที่ผ่านมา ไม่ยอมขายหนังสือแมทช์เดย์อย่างเดียว แต่ขายแบบเป็นแพ็ก 2 เล่ม
ในส่วนของร้านขายของที่พ่อค้าทำขึ้นมาเอง “โลโก้” นำมาใช้ไม่ได้ แต่การออกแบบของแฟนซีนที่นี่ ถือว่าที่สุดของที่สุด และยืนยันการันตีว่า ไอเดียเจ๋งที่สุดในอังกฤษ
ผมเดินสำรวจรอบโอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อตอบคำถามให้กับตัวเอง ในเรื่องที่ว่า “อุตสาหกรรมฟุตบอล” ว่าที่นี่มูลค่า-ขนาด เดี๋ยวนี้ไปถึงไหนต่อไหน........
ดินวงกว้างจนได้คำตอบมาว่า มีร้านจำหน่ายของที่ระลึกก่อนเกมถึง 19 ร้านด้วยกัน ยืนยันว่าเยอะที่สุดในอังกฤษแน่นอน และอาจจะเยอะที่สุดในโลกด้วยซ้ำ!!!!!!
สิ่งที่น่าสนใจในการดึงดูดให้แฟนบอลทรัพย์จาง ที่บางปะกง ก็คือ การจัดวางสินค้า และแต่ละร้านของ “คล้ายกัน” แต่“ไม่ค่อยเหมือนกัน” เท่าไหร่นัก แบ่งออกเป็น 5 ชุดปฏิบัติ
1.ผ้าพันคอ
ร้านที่นี่ไม่นิยมแมทช์เดย์ แต่คนขายแมทช์เดย์ส่วนใหญ่เดินถือ เช่น “น้าจอห์น” ที่ขายผ้าพันคอและพูดไทยได้หลายคำ
ตอนนี้มีจำหน่ายแบบย้อนยุคเยอะมาก และลดความย้อนแย้งคือ ของเดิมเก็บหมดแล้ว มาเป็นลอตใหม่เหมือนกันทั้งหมด
มีตั้งแต่ยุคของ “ราชันสตั๊คเหินหาว” เดนนิส ลอว์ จนถึง เดวิด เบ๊คแฮม!!!
2.PIN
มีให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่สมัย ยูไนเต็ด ยังเป็น นิวตัน ฮีธ มีหลายแบบสวยงามตามท้องเรื่อง แต่ถ้าเผลอหยิบสัก 10 ชิ้น ทะลุไปเป็นพันเลยนะครับ
3.เสื้อแฟนซีน
ที่นี่จัดว่าเจ็บจี๊ดและแสบเซี้ยวเปรี้ยวซ่าที่สุดแล้ว คือทำมาเพื่อแฟนผี ถ้าเป็นยาก็เฉพาะทางจริงๆ แฟนบอลทีมอื่นไม่สามารถที่จะซื้อไปใส่ได้แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์
โดยเฉพาะทางฝั่ง ลิเวอร์พูล โดนหนักที่สุดในฐานะคู่ปะทะของประเทศ
แฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากทั่วทุกสารทิศจริงๆ
4.งานอาร์ต
ภาพวาด ภาพถ่าย มีหลายร้านมากๆ ชอบตรงเปิดท้ายขายภาพวาด สวยจริงจัง หากใครที่ชอบงานวาด รับรองว่าไม่ผิดหวัง และจะมีติดมือกลับบ้านแน่นอน โดยเฉพาะทางฝั่งลานจอดรถฝั่งนอร์ธ เปิดท้ายรถ 6 ล้อ กันเลยทีเดียว
5.งานโชว์
เอาถ้วยมาให้ถ่ายแล้วจ่ายตังค์
ถ้วยมีทั้งหมด 3 ใบคือ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คุณจ่ายเงิน 2 ปอนด์ แล้วกดชัตเตอร์กี่รูปก็ได้ แต่อย่าให้น่าเกลียดเยอะไป
ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่พ่อค้าคนพื้นที่เป็นคนทำขึ้นมา เรียกเงินเข้ากระเป๋าได้บานตะไท ไม่แปลกที่พวกเขาจะแอนตี้ เดวิด มอยส์ และแทบจะสาปส่งด้วยซ้ำ
ผมเคยคุยกับคนขายอาหารเป็นประเภทฟาสต์ฟู้ด หรือกินด่วนหน้าสนาม เค้าด่า มอยส์ เละเทะ พอดีเหตุการณ์วันนั้นคือ แฟนบอลลงขันให้คอปเตอร์บินขึ้นเหนือโอลด์ แทรฟฟอร์ด แล้วติดป้ายอำลามอยส์ ซึ่งเป็นเกมระหว่าง ยูไนเต็ด กับ นอริช เมื่อซีซั่น 2013-14 นัดนั้นเป็นนัดแรกที่ มอยส์ ถูกปลด
พ่อค้าสบถออกมาแบบฟังแทบไม่ทัน แต่ที่แน่ๆ คือด่าเละ ผมถามว่า “มีอะไรจะอธิบายมั้ย”.......เท่านั้นล่ะ................
อาหารหน้าสนาม “ดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์” กล่องนี้ราคา 5.5 ปอนด์
จับใจความแบบจริงจังก็คือ เขารู้ว่า ซีซั่นหน้า ยูไนเต็ด ไม่ได้เล่นเกมใหญ่อย่างแชมเปี้ยนส์ลีก เกมในบ้านหายไปแน่ๆ 3 นัด
“คุณลองคิดดูซิว่า ไส้กรอกที่ร้านผม รวมไปถึงร้านข้างๆ ชีสเบอร์เกอร์ จะทำอย่างไร เมื่อไม่มีแมทช์แข่ง” เขาว่ามาแบบนั้น
ผมลองขมวดความคิด เข้าใจตรงกันแล้วว่า ทำไมต้องด่า เพราะเงินหายกำไรหด
แฟนบอลกว่า 70,000 คนต่อนัด ลองเอา 3 คูณเข้าไปก็ทะลุ 2 แสนกว่าคน ไส้กรอก, เครื่องดื่ม, เบอร์เกอร์ หายไปกี่ชิ้น
แล้วทริปทัวร์จากต่างประเทศ ของที่ระลึกต่างๆ ของทีม และร้านขายของหน้าสนาม เสียหายไปอย่างมหาศาล
ร่ายยาวมาถึงตรงนี้พื้นที่หมด นี่ยังไม่ได้นั่งรถไปอีก 34 ไมล์ ใช้เวลา 45 นาที จากแมนเชสเตอร์ เข้าสู่ ลิเวอร์พูล
คงติดตามต่อกันอีกทีสัปดาห์หน้า ในเรื่องของ แอนฟิลด์ ทูเดย์, สินค้าของที่ระลึกเป็นยังไงบ้าง และผ้าพันคอประวัติศาสตร์ half and half
บี แหลมสิงห์
Made in England 15th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี