ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย จะมีโปรแกรมการแข่งขันสำคัญถึง 2 รายการด้วยกัน เริ่มจากในช่วงปลายปีนี้ ที่จะลงป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2018 ซึ่งจะทำการแข่งขันกันในช่วงระหว่างวันที่ 8 พ.ย.-15 ธ.ค. 2561 นี้ ก่อนที่ในช่วงต้นปีหน้าในวันที่ 5 ม.ค.-1 ก.พ. จะได้ลงสนามในศึก เอเชี่ยนคัพ 2019 ที่เราห่างหายจากการแข่งขันรายการนี้มายาวนานถึง 12 ปี หลังเคยโม่แข้งครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2007
ล่าสุด สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย “เอเอฟซี” ก็ได้ทำการจับสลากแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย “เอเชี่ยนคัพ 2019” ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งจะทำการแข่งขันกันระหว่างวันที่ 5 ม.ค.-1 ก.พ. 2019 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยในการแข่งขันครั้งนี้ จะมี 24 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน นับเป็นครั้งที่มีทีมรอบสุดท้ายมากที่สุด ซึ่งรอบแรกจะแบ่งเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม ซึ่งผลการจับสลากปรากฏว่า ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่ถูกวางอยู่ในโถ 2 นั้น ได้ถูกจับขึ้นมาอยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับเจ้าภาพ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี), อินเดีย และ บาห์เรน
ขณะเดียวกัน มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย ก็ได้เผยถึงผลการจับสลากในครั้งนี้ว่ารู้สึกพอใจ แม้จะเป็นทีมที่อันดับโลกต่ำสุดในกลุ่มก็ตาม
“ผมรู้สึกพอใจหลังรู้ผลการจับสลาก เพราะทั้ง 3 ทีมต่างมีอันดับบนฟีฟ่าแรงกิ้งที่ดีกว่าเรา และเราก็พร้อมรับมือกับทุกทีม ผมเชื่อว่าเราสามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม เราก็จะศึกษาคู่ต่อสู้ของเราอย่างระมัดระวัง ซึ่งเราเองก็มีสไตล์การเล่นของตัวเองอยู่เมื่อถึงเวลานั้น ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับตัวเอง”
อนึ่งในปัจจุบันอันดับโลกคู่แข่งร่วมสายของไทยนั้นมีดังนี้ ยูเออี อยู่อันดับ 81, อินเดีย อันดับ 97 และ บาห์เรน อันดับ 116 ส่วนไทยอยู่อันดับ 122
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2019 จะประเดิมสนามในวันที่ 6 มกราคม 2562 พบกับ อินเดีย ที่สนาม อัล นาห์ยาน สเตเดี้ยม, กรุงอาบูดาบี ต่อด้วยวันที่ 10 มกราคม 2562 บาห์เรน ที่สนาม อัล มัคตูม สเตเดี้ยม นครดูไบ และปิดท้ายวันที่ 14 มกราคม 2562 พบ (เจ้าภาพ) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สนาม ฮัซซา บิน ซายิด สเตเดี้ยม, อัล ไอน์
ส่วนผลการจับสลากกลุ่มอื่นๆ มีดังนี้ กลุ่ม บี-ออสเตรเลีย, ซีเรีย, ปาเลสไตน์, จอร์แดน/กลุ่ม ซี-เกาหลีใต้, จีน, คีร์กิซสถาน, ฟิลิปปินส์/กลุ่ม ดี-อิหร่าน, อิรัก, เวียดนาม, เยเมน/กลุ่ม อี-ซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์, เลบานอน, เกาหลีเหนือ/กลุ่ม เอฟ-ญี่ปุ่น, อุซเบกิสถาน, โอมาน, เติร์กเมนิสถาน
ขณะเดียวกันเมื่อได้มีการจับสลากแบ่งสายรอบแบ่งกลุ่ม เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ซึ่งในการแข่งขันซูซูกิคัพ ครั้งนี้ มีทีมเข้ามาเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม 10 ทีม จากเดิมที่มี 8 ทีม ซึ่งทีมที่มีแรงกิ้งฟีฟ่าดีที่สุด 9 ทีม (เวียดนาม, สิงคโปร์, เมียนมา, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, ฟิลิปปินส์ และ ไทย) จะผ่านเข้ารอบโดยอัตโนมัติ ขณะที่ ติมอร์ เลสเต และ บรูไน จะมีการเพลย์ออฟเพื่อที่ว่างสุดท้าย
ผลปรากฏว่า ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย อยู่ในกลุ่มบี โดยมี อินโดนีเซีย ที่เคยเป็นคู่ชิงเมื่อ ปี 2016 โดยครั้งนั้น นัดแรก ไทย บุกแพ้ อินโด 1-2 และกลับมาชนะที่บ้าน 2-0 รวมคว้าแชมป์สกอร์รวม 3-2 อยู่ร่วมสาย พร้อมด้วย ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และทีมที่ชนะจากรอบเพลย์ออฟ (ติมอร์,บรูไน) ขณะที่กลุ่มเอ ประกอบไปด้วย เวียดนาม, มาเลเซีย, เมียนมา, กัมพูชา และ ลาว
ทั้งนี้ สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันมาใช้ระบบใหม่ที่จะไม่มีเจ้าภาพอีกต่อไป โดยจะใช้การเล่นรอบแบ่งกลุ่มแบบ เหย้า-เยือน 2 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีม เล่นแบบพบกันหมด ทุกทีมจะได้เล่นเกมเหย้า 2 นัด และเกมเยือน 2 นัด (รวม 4 นัด) เพื่อเอาอันดับ 1 และ 2 ของกลุ่มผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป
สำหรับ โปรแกรมของทีมชาติไทยมีดังนี้ วันที่ 9 พ.ย.2561ติมอร์/บรูไน vs ไทย/วันที่ 17 พ.ย.2561 ไทย vs อินโดนีเซีย/วันที่ 21 พ.ย.2561 ฟิลิปปินส์ vs ไทย/วันที่ 25 พ.ย.2561 ไทย vs สิงคโปร์ จากนั้นรอบรองชนะเลิศ นัดแรก วันที่ 1 ธ.ค. 2560/นัดสอง วันที่ 5 ธ.ค.2560 และรอบชิงชนะเลิศ นัดแรก วันที่ 11 ธ.ค.2560/นัดสอง วันที่ 15 ธ.ค.2560
กาลอป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี