ค่ำของวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา แมตซ์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศที่นครเคียฟ เรอัล มาดริดแชมป์เก่าส่ง เคย์เลอร์ นาบาส ลงเฝ้าเสา กองหลังตัวกลาง ราฟาเอล วาราน จับคู่กับ เซร์คิโอ รามอส แดนกลาง โทนี โครส, ลูก้า โมดริช และ คาเซมิโร แนวรุก อิสโก้, คาริม เบนเซมา และ คริสเตียโน โรนัลโด้
ฝั่งลิเวอร์พูลของเยอร์เก้น คล็อปป์ มี ลอริส คาริอุส ลงเฝ้าเสา แนวรับ เดยัน ลอฟเรน จับคู่กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ แผงมิดฟิลด์ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สามประสานแนวรุก ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน และ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์
รูปเกมในช่วง 15 นาทีแรกเป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลที่ครองเกมได้เหนือกว่า แต่เป็นมาดริดได้ลุ้นประตูก่อนจากจังหวะตัดบอลได้กลางสนามบอลไหลมาถึง คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่กราบขวาเลี้ยงจี้เข้ากรอบเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาบอลพุ่งแสกหน้า ลอริส คาริอุส ข้ามคานไปแบบได้ลุ้น
ลิเวอร์พูลได้ลุ้นในนาที 22 จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ ทำชิ่งกับ ซาดิโอ มาเน หลุดไปสุดเส้นหลังก่อนเปิดเข้ากลางให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน ได้ยิงติดบล็อคมาเข้าทาง อเล็กซ์ซานเดอร์ อาโนลด์ ตามมาซ้ำแต่บอลไปติดเซฟ เคย์เลอร์ นาบาส ที่รับไว้ได้อยู่มือ
นาที 29 ลิเวอร์พูลได้รับข่าวร้ายเมื่อ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ได้รับบาดเจ็บที่ไหลจากจังหะเบียดแย่งบอลกับ เซร์คิโอ รามอส จนล้มลงไปโดยไหล่ของเจ้าตัวกระแทกพื้นอย่างแรงมากจนไม่สามารถเล่นต่อไหวต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามทั้งน้ำตา โดยเปลี่ยนตัว อดัม ลัลลานา อดีตทีมชาติอังกฤษลงสนามมาแทน
มาดริดต้องมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวเช่นกันในนาที 34 จากจังหวะที่ ดาเนียล การ์บาฆาล เจ็บข้อเท้าจากจังหวะตอกส้นแล้วลงพื้นผิดจังหวะทำให้ไม่สามารถเล่นต่อได้ไหว โดยเจ้าตัวถึงกับลงไปนอนร้องไห้เช่นกัน โดยทีมต้องเปลี่ยน นาโช เฟร์นานเดซ ลงสนามไปแทน
แชมป์เก่าเกือบได้ประตูขึ้นนำในนาที 42 จากจังหวะที่ อิสโก้ ได้บรรจงเปิดบอลไปหน้าปากประตูให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ ได้เทคตัวขึ้นโหม่ง ลอริส คาริอุส ปัดบอลไม่พ้นมาเข้าทาง คาริม เบนเซมา ซ้ำจ่อๆเข้าประตูแต่ไลน์แมนยกธงเป็นลูกล้ำหน้าไปเสียก่อน ท้ายครึ่งแรกราชันชุดขาวได้ลุ้นอีกจังหวะจากลูกยิงไกลนอกกรอบเขตโทษของ คาริม เบนเซมา แต่ลูกหลุดเสาแรกออกไปไม่ไกล
ครึ่งหลังมาดริดมาได้ประตูขึ้นนำในนาที 51 จากจังหวะที่ ลอริส คาริอุส ออกมารับบอลแล้วจะเล่นเร็วแต่เจ้าตัวขว้างบอลพลาดไปโดนเท้า คาริม เบนเซมา กระดอนเข้าประตูตัวเอง เรอัล มาดริดนำ 1-0 ลิเวอร์พูลได้ประตูตีเสมอทันควันในนาที 55 จากลูกเตะมุมเปิดเข้ามาให้ เดยัน ลอฟเรน ขึ้นโหม่งชงให้ ซาดิโอ มาเน โฉบมายิงตัดหน้า เคย์เลอร์ นาบาส เข้าประตู ลิเวอร์พูลตีเสมอ 1-1
ราชันชุดขาวได้ประตูที่สองในนาที 64 จากจังหวะที่ มาร์เซโล เลี้ยงตัดเข้าในก่อนเปิดบอลให้ แกเร็ธ เบลกัปตันทีมชาติเวลส์ ลอยตัวจักรยานอากาศด้วยซ้ายเข้าประตูไปอย่างสุดสวย เรอัล มาดริดนำ 2-1 มาดริดมาได้ประตูที่สามในนาที 83 จากจังหวะที่ แกเร็ธ เบล ได้ตั้งป้อมซัดไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งตรงตัว ลอริส คาริอุส ที่พยายามจะใช้มือชกแต่พลาดปลิ้นเข้าประตู เรอัล มาดริดนำ 3-1 จบเกมเรอัล มาดริดเอาชนะลิเวอร์พูล 3-1 คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมาครองได้เป็นสมัยที่ 13 และเป็นแชมป์ครั้งที่สามติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่ในยุคยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี