.
เวียนมาทุกๆ 4 ปีกับมหกรรมกีฬาที่คอลูกหนังทุกชาติรอคอย “ฟุตบอลโลก” (FIFA World Cup) โดยครั้งล่าสุดจะฟาดแข้งกันที่ “ถิ่นหมีขาว” ประเทศรัสเซีย ระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-15 ก.ค. 2561
แน่นอนว่าสำหรับแฟนบอลชาวไทย “การนอนดึก” เพื่อเชียร์ทีมรักทีมโปรดดูจะเป็นความเคยชินไปแล้วจากรุ่นสู่รุ่น เพราะส่วนใหญ่ประเทศที่จัดการแข่งขันมักมีช่วงเวลากลางวันตามเวลาท้องถิ่นตรงกับช่วงกลางคืนตามเวลาประเทศไทย
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ส่งความปรารถนาดีมายังคอลูกหนังชาวไทย โดย นพ.อุดม อัศวุตมางกุร ผู้อำนวยการกองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ แนะนำวิธีเตรียมตัวและรักษาสุขภาพในช่วงเวลาแห่งความสนุกสุดมันส์ดังต่อไปนี้
1. ก่อนจะอดนอนดูฟุตบอล ควรเตรียมให้ร่างกายแข็งแรง หาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่อร่างกาย
2.ควรหาเวลานอนพักผ่อนให้ได้ 6-8 ชั่วโมง แต่ถ้ามีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ ควรหาเวลาในช่วงพักเที่ยง หรือช่วงหัวค่ำก่อนการแข่งขันด้วยการงีบหลับ เพราะการนอนหลับไม่เพียงพอจะส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย ทำให้ไม่สบายได้ง่าย “หากไม่สบายควรพักผ่อนให้เพียงพอและใช้วิธีการติดตามย้อนหลัง” หรือชมไฮไลท์ภายหลังผ่านช่องทางสื่อต่างๆ จะดีกว่า
3.ขณะชมฟุตบอลผ่านจอโทรทัศน์ ควรนั่งห่างจากจอในระยะที่พอดีไม่ใกล้เกินไป อยู่ในระดับสายตา ห้องต้องไม่มืดเกินไป และควรพักสายตาในช่วงพักครึ่งการแข่งขัน
4. การนั่งชมแข่งขันเป็นเวลานานๆ ควรนั่งอย่างถูกวิธี ด้วยการนั่งบนเก้าอี้ห้อยขาลง ไม่ควรนั่งพับเพียบ ขัดสมาธิ หรืองอเข่านานเกินไป
5.ควรมีการเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างดูฟุตบอล มีกิจกรรมทางกายด้วยการยืดเหยียด อย่างง่ายๆ ระหว่างนั่งชมหรือช่วงพักการแข่งขัน เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน ทั้งกล้ามเนื้อแขน ขา คอ และหลัง จะทำให้รู้สึกสบายขึ้น
6.หลีกเลี่ยงการเล่นพนัน ชมการแข่งขันฟุตบอลเพื่อความสนุกและการส่งเสริมกีฬาเท่านั้น เพราะการพนันจะก่อให้เกิดความเครียดและมีปัญหาสุขภาพจิตตามมา
7.ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อป้องกันอาการร้อนใน ทั้งนี้ “กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว” เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ขอให้ดูฟุตบอลอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้โรคกำเริบ เช่น หาเวลานอนในช่วงพักกลางวันระหว่างอยู่ในที่ทำงาน นอนตั้งแต่หัวค่ำก่อนการที่จะดูฟุตบอลในตอนดึก พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงในวันที่ไม่มีการแข่งขัน เลือกดูเฉพาะคู่ที่ชอบ พักสายตาระหว่างการหยุดพักครึ่งเวลาของการแข่งขัน และระวังเรื่องอาหารที่รับประทานระหว่างการชมฟุตบอล ซึ่งหากมีเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถแจ้งสายด่วน 1669 ได้
นอกจากนี้ “สำหรับผู้ขับขี่ยานพาหนะ” ซึ่งหลายคนนิยมเปิดวิทยุในรถยนต์เพื่อฟังถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพร้อมๆ กับขับรถไปด้วย คุณหมออุดม แนะนำว่า “ผู้ขับขี่ต้องระวังและมีสติตลอดเวลาในการขับรถ ไม่ควรจดจ่อกับการฟังหรือลุ้นตาม” ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือโรคประจำตัวกำเริบขึ้นได้ เป็นอันตรายต่อตนเองและเพื่อนร่วมทาง ไม่ควรปรับเบาะที่นั่ง ตัวควบคุมอุณหภูมิห้องโดยสาร ระบบเครื่องเสียง และอื่นๆ ขณะขับ ควรปรับก่อนออกรถหรือในขณะที่รถจอดอยู่ หรือให้ผู้ที่โดยสารไปด้วยเป็นผู้ช่วยในการปรับสิ่งต่างๆ จะปลอดภัยกว่า
ผอ.กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ ยังแนะนำเรื่องการรับประทานอาหารระหว่างชมฟุตบอลไว้ด้วยว่า “อาหารที่ทานในมื้อดึก ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ให้พลังงานสูง” ทานแล้วให้ความสดชื่นแก่ร่างกาย ได้แก่ ผลไม้สด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ แอปเปิ้ล มะม่วงดิบ โดยฝานบางๆ เพื่อให้ปริมาณมากขึ้น ทานได้ทีละน้อย ส่วนอาหารอื่นๆ ที่แนะนำ ได้แก่ โจ๊ก น้ำเต้าหู้ที่ไม่หวานมากนัก หากเป็นขนมขบเคี้ยวก็ทานได้บ้าง แต่ต้องจำกัดปริมาณ ส่วนเครื่องดื่มที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำเปล่า หรือ น้ำผลไม้คั้น ไม่เติมน้ำตาล
“สุขภาพจิต” ก็สำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย มหกรรมศึกลูกหนังโลกครั้งนี้ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) แนะนำเคล็ด (ไม่) ลับ “ดูบอลอย่างไรไม่ให้เครียด” ไว้ว่า 1.นอนหลับให้เพียงพอ เพราะการนอนไม่พอเป็นปัจจัยกระตุ้นความเครียด ดังนั้นหากวันไหนทีมที่ชอบ “แข่งคู่ดึก” ประเภทเตะกันตีหนึ่งตีสอง “หัวค่ำรีบนอนเอาแรงไว้ก่อน” พอตื่นมาชมการแข่งขันจะได้ไม่ง่วงไม่งัวเงีย
2.ดูจบแล้วอย่างลืมดึงสติกลับมา ในเกมฟาดแข้งระดับโลกที่นักเตะทุกชาติทุ่มสุดกำลังสุดฝีเท้า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บรรดากองเชียร์จะพลอย “อิน” ไปกับการแข่งขันด้วย โดยเฉพาะในรอบน็อคเอาท์ที่หากแพ้คือต้องตกรอบ ยุติเส้นทางในทัวร์นาเมนต์ทันที สิ่งที่ตามมาหากเป็นทีมที่รักที่ชอบคือ “ภาวะอารมณ์ค้าง” หรือจริงๆ คือ “ความคิดค้าง” คิดวนไปวนมาทำนอง “ไม่น่าเลย! จังหวะนิดเดียวแท้ๆ” กลายเป็นความเครียด จิตตกหดหู่กันไป
ดร.วัลลภ แนะนำว่า เมื่อถึงเวลานั้นให้พยายาม “อยู่กับลมหายใจของตนเอง” หายใจช้าๆ ลึกๆ หรือถ้าสายธรรมะหน่อยจะใช้วิธี “เดินจงกรม” ก็ได้ หรือถ้าสามารถ “อาบน้ำ” ค่อยๆ ใช้น้ำรดศีรษะและใบหน้า หากเป็นฝักบัวก็ค่อยๆ เปิดให้น้ำไหลสัมผัสกับร่างกาย ก็จะทำให้จิตใจผ่อนคลายสงบลง สามารถนอนหลับได้สบายขึ้น และ 3.รวมกันมันส์กว่า การชมฟุตบอลเป็นหมู่คณะ เกิดการพูดคุย ความเครียดหรืออารมณ์ค้างจะน้อยกว่าการดูคนเดียว
อีกด้านหนึ่ง เมื่อฟุตบอลโลกเวียนมาทีไร “การพนัน” ก็เป็นปัญหาใหญ่ให้ต้องปวดหัวเสนอโดยเฉพาะกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่รับรู้ว่าบุตรหลานของตนนำเงินไปแทงพนัน เรื่องนี้ ธนากร คมกฤส ผู้แทนมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ฝากวิธีสังเกตโดยดู “ความสนใจที่ผิดปกติ” เช่น ก่อนหน้าไม่เห็นเคยสนใจกีฬาฟุตบอลมาก่อนแต่กลับจริงจังกับฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นพิเศษ หรือมีการติดตามข้อมูลบทวิเคราะห์อย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม “ยุคนี้สังเกตได้ยากเพราะผู้คนมักหาข้อมูลจากเว็บไซต์ออนไลน์” ต่างจากในอดีตที่ติดตามผ่านหนังสือพิมพ์กีฬาเป็นหลัก
รวมถึง “สภาวะการเงินที่ไม่ปกติ” เช่น อยู่ดีๆ ก็บ่นไม่มีเงินใช้เลย หรือมีเงินใช้ฟู่ฟ่าผิดหูผิดตา ก็อาจเป็นไปได้ที่คนคนนั้นจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนัน อนึ่ง..การพนันฟุตบอลอาจแบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1.เล่นกับเพื่อน ส่วนใหญ่เป็นการเล่นแบบ “ติดปลายนวม” วงเงินไม่มากและต้องแทงด้วยเงินสด ถ้าไม่มีเงินก็จะไม่ได้เล่น หรือบางครั้งอาจเป็นแบบใครแพ้เลี้ยงข้าว จึงยังไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร
กับ 2.เล่นกับโต๊ะบอล ซึ่งเป็นเรื่องต้องกังวล เพราะการแทงพนันกับโต๊ะมัก “แทงปากเปล่าไว้ก่อน” ความยับยั้งชั่งใจจะน้อย โอกาสเล่นพนันแบบเกินตัว ส่งผลกระทบตามมาได้ ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะต้องคอยส่องดูแล เช่น “ที่บอกว่าเล่นกับเพื่อน เพื่อนนั้นตั้งโต๊ะบอล ทำตัวเป็นเจ้ามือหรือไม่?” รวมถึงต้องย้ำ “ไม่มีเงินอย่าเล่น” เพราะถ้าเสียขึ้นมาจะเอาที่ไหนไปจ่าย? แต่เรื่องนี้ก็ต้อง “ค่อยๆ พูดกัน” อย่าดุด่ารุนแรงเดี๋ยวจะกลายเป็นยิ่งห้ามยิ่งยุ
ขอให้ทุกท่านชมฟุตบอลโลกอย่างสนุกสนาน..ที่สำคัญ “บอลจบขอให้เหลือแต่อารมณ์ประทับใจ” ไม่ต้องเครียดเพราะต้องคอยหลบคอยหนี “หนี้พนัน”
อย่างที่เห็นเป็นข่าวอยู่เนืองๆ!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี