สองชาติแห่งยุโรปใต้ "ฝอยทองผยองเดช" โปรตุเกส และ "กระทิงดุ" สเปน มาร่วมสายกัน แถมยังต้องชนโครมกันตั้งแต่ยกแรก
อย่างไรก็ดี เมื่อมี โมร็อกโก กับ อิหร่าน เข้ามาร่วมในกลุ่มนี้ ทำให้ความเขม็งเกลียวลดน้อยถอยลงไปพอสมควร เนื่องจากเกรดของฟุตบอล กับพลังแฝงของนักเตะ ทำให้ โปรตุเกส กับ สเปน ถูกมองว่า ไม่น่าพลาดกับการตีตั๋วรอบ 2
แต่ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีซิ เพราะอย่าลืมว่าเมื่อ 4 ปีก่อนทั้ง สเปน และโปรตุเกส
ต่างกอดคอกันตกรอบแรกสบาย
พร้อมกับมีรอยโหว่แบบไม่ได้นัดกันทั้งคู่!!!!!
"โปรตุเกส"ฝอยทองที่รอผยองเดช
“ฝอยทองผยองเดช” ก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการเป็น”แชมป์ยุโรป” ที่ดินแดนฝรั่งเศส เมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยการมี คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ยอดดาวเตะแห่ง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เป็นแกนนำ
อดีตที่ผ่านมา โปรตุเกส แจ้งเกิดกับนายทะเบียนโลกฟุตบอล เมื่อปี 1966 ในยุคทองของ “เสือดำแห่งโมซัมบิก” ยูเซบิโอ ทำให้พวกเขาเป็นถึงอันดับ 3 ในการเตะที่อังกฤษ ก่อนจะมา ๆ หาย ๆ กระทั่งเวิลด์คัพฉบับเอเชีย ปี 2002 เป็นต้นมา พวกเขาก็ตีตั๋วสู่เวิลด์คัพต่อเนื่อง และคว้าอันดับ 4 เมื่อปี 2006
โปรตุเกส
เฟร์นานโด ซานโตส กุนซือตัดสินใจครั้งสำคัญ เมื่อผ่าทีมจากชุดครองเจ้ายุโรป ออกไปจากชุดนี้ถึง 10 คน นำโดย นานี่, อันเดร โกเมส และ เรนาโต้ ซานเชซ นอกจากนี้ เอแดร์ ผู้พังประตูชัยพาทีมคว้าแชมป์ยูโร 2016 ก็หลุดโผเช่นกัน
นอกจากนี้ ดาวรุ่งพุ่งแรง รูเบน เนเวส มิดฟิลด์ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการพา วูลฟ์แฮมป์ตัน เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นหน้า ก็หลุดโผเช่นกัน
ซานโต๊ส มีนักบอลที่มีประสบการณ์สูงหลายคน อาทิ ชูเอา มูตินโญ่ ห้องเครื่องจากโมนาโก และ เปเป้ กับ บรูโน่ อัลเวส สองปราการหลังแข้งโหด บวกกับดาวดวงใหม่ที่แรงขึ้นมาทั้ง ราฟาเอล เกร์เรยโร่ แบ๊คซ้ายจากดอร์ทมุนด์, อันเดร ซิลวา หัวหอกของเอซี มิลาน และกอนซาโล่ กูเอเดส ที่ยกระดับตัวเองอย่างมากในปีนี้กับ บาเลนเซีย ในตำแหน่งตัวรุกฝั่งซ้าย
สำคัญที่สุดก็คือ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีม ที่พร้อมจะบันดาลชัยชนะได้ทุกวินาที แม้กระทั่งเจ็บ ยังสวมมาดโค้ชเมื่อยูโร 2016 นัดชิงมากแล้ว...แกก็เคย!!!
เมื่อเป็นแบบนี้ ไม่แปลกที่ โปรตุเกส จะเป็นหนึ่งในทีมกลุ่ม”ม้ามืด”จะครองแชมป์โลกครานี้
"สเปน"ขอกลับมาเป็นกระทิงสนามจริง
หลังจากยุคทองได้อันดับ 4 บอลโลก 1950 และครองแชมป์ยูโร 1964 พวกเขาก็เป็นเพียงแค่ “หมูสนามจริง กระทิงรอบคัดเลือก”
สเปน ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมาถึงยุคกลางของยุคมิลเลนเนี่ยม พวกเขาค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาพร้อม ๆ กับความสำเร็จของ บาร์เซโลน่า ที่เมล็ดพันธุ์แห่งลา มาเซีย เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งครองแชมป์ยูโร 2008 ต่อด้วยแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และกลับมายึดแชมป์ยูโร 2012
ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ทำให้ สเปน กลายเป็นอีกหนึ่งทีมที่โลกไม่กล้าประมาท กระทั่งมาพลาดกระเด็นตกรอบแรก บอลโลก ครั้งที่แล้ว ต่อด้วยไปได้ไกลที่สุดแค่รอบ 2 ฟุตบอลยูโร
หมดเวลาของพวกเขาแล้วหรือยัง!?!?!
สเปน
คำถามที่น่าสนใจ กับคำตอบที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่ช้านี้ โดยอาศัยแม่ทัพรุ่นใหญ่ นั่นก็คือ อันเดรส อิเนียสต้า, ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ บุสเกตส์, เซร์คิโอ รามอส และเคราร์ด ปีเก้
ทีมของ ฆูเลน โลเปเตกี เป็นการผสมผสานนักเตะรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นมา ดีเอโก้ คอสต้า มีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ในครึ่งซีซั่นแรก แต่กลายเป็นดีกับ แอตเลติโก มาดริด ในช่วงหลัง เช่นเดียวกับ ซาอูล ญีเกซ กับ โกเก้ รวมถึงสองดาวดังจากเรอัล มาดริด นั่นคือ อิสโก้ กับ มาร์โก อาเซนซิโอ
พร้อมกับมีนายประตูที่ว่ากันว่า “ดีที่สุดในโลก” อย่าง ดาบิด เด เคอา เฝ้าเสา
นี่คือสิ่งที่สเปน กำลังได้เปรียบทีมอื่น
เป็นไปได้เช่นกันที่พวกเขามีโอกาสท้าทายบัลลังก์โลกอย่างเต็มตัวอีกครา!
ดาบิด เด เคอา เทพพิทักษ์ตัวสำคัญของ สเปน
“โมร็อกโก”กับหนแรกในรอบ20ปี
โมร็อกโก เพิ่งได้รับข่าวชุ่มชื่นหัวใจ เมื่อผ่านการอนุมัติให้เข้าร่วมชิงชัยจากฟีฟ่า ให้ได้ลุ้นการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2026
การได้ตั๋วหนแรกในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่ตกรอบแรกในศึกฟรองซ์ 98 ในยุคของ มุสตาฟา ฮัดจิ, นูเรดดิน เนย์เบต และยูเซฟ ชิปโป้ แน่นอนว่าพวกเขามาในครั้งนี้ ไม่ได้รับการคาดหวังหรือถูกจับตามองแต่อย่างใด
โมร็อกโก
ทีมนี้มี อาร์ฟ เรนาร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรนัก แถมเคยถูกทีมเล็ก ๆ อย่าง เคมบริดจ์ ยูไนเต็ด ไล่ออกในการทำงานเมี่อปี 2004 แต่จากนั้นเขาเริ่มมารับงานในแถบกาฬทวีปทั้งที่ แซมเบีย, แองโกล่า และไอวอรี่ โคสต์ ก่อนจะแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในการ โมร็อกโก สู่บอลโลก
นักเตะของทีมชุดนี้กระจัดกระจายเล่นอยู่ในทีมต่างๆ ของยุโรป โดยฝากความหวังไว้กับ ฮาคิม ซิเยค เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกดัทช์ ที่เป็นเพลย์เมคเกอร์ตัวสำคัญของ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม และอาศัยเกมรับอันเหนียวแน่น เก็บคลีนชีตได้ถึง 11 จาก 23 นัดตลอด 2 ปีที่ผ่านมา นี่คือจุดแข็งของทีมชุดนี้
โดยเฉพาะรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย 6 นัด พวกเขาไม่เสียประตูเลยแม้แต่เม็ดเดียว
อย่างไรก็ตาม การผลิตสกอร์ถือว่าน่าสนใจเช่นกัน เพราะถือเป็นจุดที่พวกเขาต้องปรับปรุง เพราะยิงประตูได้น้อยเกินไป และมีผลเสมอที่มากเกินไปนั่นเอง
ฮาคิม ซิเยค กองกลางดาวโรจน์ของ โมร็อกโก
“อิหร่าน”เมื่อโคไมนี่ขอกางปีก
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ อิหร่าน ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ได้ 2 สมัยติดต่อกัน ในการได้ตั๋วลุยสมัยที่ 5
พวกเขาเคยสร้างความประทับใจให้โลกได้จดจำ เมื่อถ่ายภาพร่วมกับกับ สหรัฐอเมริกา ในฟุตบอลโลก 1998 ถือเป็นการใช้”ฟุตบอล” หรือว่า “กีฬา” ยุติความร้อนแรงในเรื่องของ “สงคราม” และ “การเมือง”
การได้ทำงานต่อเนื่องของ คาร์ลอส เคยรอซ อดีตมือขวาสามัคคีของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในยุคเรืองรองของแมนฯยูไนเต็ด ทีมทีมเข้ารอบ 2 สมัย มีนักเตะที่ต้องฝากความหวังไว้ก็คือ อลีเรซ่า ยาฮันบาคห์ช กองกลางพรสวรรค์จาก อาร์แซด อัล์คมาร์ ทีมในเนเธอร์แลนด์ วัย 24 ปี ที่เล่นได้ทั้งสองเท้าเท่ากัน ที่จะเดินเกมร่มกับ มาซุด โซจาอี กัปตันทีมจากเออีเค เอเธนส์ ส่วนแนวรุก เรซ่า กูชานเนจาด จากฮีเรนวีน จะเป็นความหวับงในการพังประตู ร่วมกับดาวรุ่งอย่าง ซาดาร์ อัซมวน ที่กำลังแรงขึ้นมา
กระดูกกระเดี้ยวและชื่อชั้นของ อิหร่าน เป็นรองทุกทีมร่วมสาย แต่ที่น่าสนใจก็คือ 15 คนของทีมชุด 23 คนสุดท้าย กลายเป็นสินค้าส่งออกชั้นดีไปยังลีกต่าง ๆ ในยุโรป ถือว่าเป็นการพัฒนาอีกขั้น
ของพลพรรคลูกหนังลูกหลานโคไมนี่
ใครจะตกรอบ
ผลการจับสลาก”ดูเหมือนว่า”จะเป็นใจเหลือเกินให้กับ สเปน และ โปรตุเกส ที่จะล้างอายในการเข้ารอบน็อคเอาท์ฟุตบอลโลก หลังจากตกรอบแรกทั้งคู่เมื่อ 4 ปีก่อนที่แดนแซมบ้า อย่างไรก็ดีทั้งสองทีมเหมือนกันนั่นก็คือ “คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ” ที่ถูกมองว่า “แก่เกินแกง” แต่ก็นั่นแหละ
ต่อให้เป็นมะพร้าวค้างปียังไง ก็น่าจะยากที่จะเน่าตั้งแต่รอบแรก ถ้าไม่พลิกล็อคแบบถล่มทะลาย หรือว่าฟ้าผ่ากลางแดดที่รัสเซีย
รอบ 16 ทีมสุดท้ายต้องมีชื่อ สเปน กับ โปรตุเกส แต่ถ้าไม่ใช่
ถือว่ามากกว่าคำว่า “พลิกล็อค”!!!
ข้อมูลที่น่าสนใจ
โปรตุเกส
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 7 สมัย
ผลงานดีที่สุด : อันดับ 3 ปี 1966
สตาร์เด่น : คริสติอาโน่ โรนัลโด้
สเปน
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 15 สมัย
ผลงานดีที่สุด : แชมป์โลก ปี 2010
สตาร์เด่น : ดาบิด เด เคอา
โมร็อกโก
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 5 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบ 16 ทีม ปี 1986
สตาร์เด่น : ฮาคิม ซิเยค
อิหร่าน
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 5 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบแรก
สตาร์เด่น : อลีเรซ่า ยาฮันบาคห์ช
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี