.
กลุ่มแรกถือเป็นอีกกลุ่มที่ถูกจับตามองเนื่องจากมี “เจ้าภาพ” อยู่ในนี้ และเมื่อผลออกมาถือว่า”ไม่ง่ายเลย”!!!
เนื่องจากสองทีมที่หยิบมาใส่คือ อียิปต์ กับ อุรุกวัย แต่การต้องดวลนัดเปิดสนามที่มักจะเป็นของยากเสมอ ต้องเจอกับ ซาอุดีอาระเบีย ก่อน ทำให้กลุ่มนี้ยากต่อการคาดเดาอย่างแท้จริง
"รัสเซีย"หมีขาวที่ไร้เขี้ยว
"หมีขาว" เจ้าถิ่นที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเคยสร้างผลงานคว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลก และการเข้ารอบชิงยูโร 1988
แต่นั่นคือยุคที่พวกเขายังเป็น “สหภาพโซเวียต”
อย่างไรก็ตาม เมื่อการล่มสลายในวันบ็อกซิ่งเดย์ ปี 1991 โซเวียตแตกเป็นเสี่ยง ๆ บนผืนแผ่นดินใหญ่ยังเป็น รัสเซีย พวกเขาก็ไม่เคยก้าวไประดับที่ดีอีกเลย ยกเว้นในศึกยูโร 2008 แค่หนเดียวเท่านั้นตลอด 17 ปีที่ผ่านมา
รัสเซีย
หนนี้ก็เช่นกัน เหมือนกับว่าพวกเขากำลังอยู่ในยุคมืดของวงการฟุตบอลก็ว่าได้ เนื่องจากนักเตะไม่ได้อยู่ในระดับที่ดีพอ แม้จะมโนเอาได้ว่าเหมือนกับยุคก่อนยุคของ “หลังม่านเหล็ก” ที่นักเตะส่วนใหญ่เล่นอยู่ในประเทศ
แต่นำมาวัดกันไม่ได้ เพราะยุคนี้คือโลกแห่งดิจิตอลที่นักบอลพร้อมไปเด่นดังได้ทุกที่ทั่วโลก
นาทีนี้ทีมของ สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ ยังพึ่งนักเตะที่แทบจะหมดสภาพไปแล้วทั้งนั้น อาทิ อีกอร์ อาคินเฟเยฟ, ยูริ ชีร์คอฟ กระทั่ง เซอร์เก อิ๊กนาเซวิช ที่ประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปตั้งแต่ 2 ปีก่อนยังต้องตามกลับมาช่วยชาติ!
มีนักบอลค้าแข้งนอกประเทศแค่ 2 คนคือ วลาดีเมียร์ กาบูลอฟ โกล์คลับ บรูกก์ และเดนิส เชริเชฟ ปีกที่เข้าๆ ออกๆ ในทีมชุดใหญ่ของบียาร์เรอัล
ยูริ ชีร์คอฟ ตัวเก๋าอีกหนึ่งความหวังของเจ้าภาพ
"ซาอุฯ"เศรษฐีที่ไม่ได้มั่งคั่งเรื่องบอล
ฟุตบอลของ ซาอุดีอาระเบีย เฟื่องฟูสุด ๆ ก็คือ ปี 1994 ไม่มีใครรู้จักพวกเขามาก่อน กระทั่งไปเตะฟุตบอลโลกในฐานะ "ไม้ประดับ"
แต่ด้วยการเลี้ยงเดี่ยวแบบ "โซโลรัน" ของ ซาอิด โอไวรัน ที่กระชากกว่าครึ่งสนามเข้าไปพังประตู เบลเยี่ยม พาทีมฉูยฉาย เข้าไปรอบน็อคเอาท์ได้อย่างเหลือเชื่อ คือหนึ่งประตูที่สุดยอดที่สุดตั้งแต่โลกนี้เคยมีมา ในฟุตบอลโลก
หากเป็นนักเตะที่มาจากชาติ"บิ๊กเนม"มากกว่านี้ ประตูของ โอไวรัน น่าจะได้รับการยกย่องมากกว่านี้ ซึ่งครั้งนั้นพวกเขาเข้ารอบ 2 ได้สำเร็จอีกด้วย
ซาอุดีอาระเบีย
หลังจากนั้น ซาอุฯ เข้าบอลโลกรวม 4 สมัยติด แต่ผลงานไม่เหมือนหนแรก เพราะตกรอบแรกทั้งหมด และนี่คือบอลโลกครั้งแรกในรอบ 3 สมัยของพวกเขาด้วย
ทีมชุดนี้มีนักเตะค้าแข้งอยู่นอกประเทศ 2 คน โดยทั้งหมดค้าแข้งอยู่ที่ลา ลีกา สเปน คือ ฟาฮัด อัล-มูวัลลัด จากเลบันเต้ และซาเล็ม อัล-ดอว์ซาวี่ จากบียาร์เรอัล ซึ่งชุดนี้คุมทัพโดย ฆวน อันโตนิโอ ปิซซี่ กุนซือวัย 49 ชาวสเปน ที่เพิ่งมาทำงานเมื่อปีก่อน
"อียิปต์"ความหวังอยู่ที่ซาลาห์
“มัมมี่” ตีตั๋วเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ถือว่าเหลือเชื่อมากๆ เพราะระหว่างที่พวกเขา”พลาดบอลโลก” กลับกลายเป็นแชมป์ทวีปแอฟริกาได้ถึง 3 สมัย และปีก่อนเป็นรองแชมป์
2 สมัยที่ได้เล่นบอลโลก พวกเขาไม่เคยชนะใคร และครั้งนี้แม้จะผ่านเข้ารอบมาได้ แต่หลายคนก็เชื่อว่าจะตกรอบแรก กระทั่งการเล่นของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำให้เกิดประกายที่ปลายอุโมงค์
อียิปต์
สตาร์ตัวเอ้มีซีซั่นสุดมหัศจรรย์กับ ลิเวอร์พูล ด้วยการยิงได้ถึง 43 ลูก เป็นคนยิงจุดโทษในช่วงทดเจ็บ “แบกทีม” มาบอลโลก แต่ตอนนี้ต้องลุ้นว่า อาการบาดเจ็บไหล่จากนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก จะหายทันหรือไม่
ทีมของ เอ๊คตอร์ คูเปร์ อดีตกุนซือผู้เคี่ยวกรำของบาเลนเซีย ใช้แกนหลักที่ค้าแข้งนอกประเทศ โดยเฉพาะในอังกฤษ มาประกอบร่างกับ ซาลาห์ นั่นก็คือ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ จากอาร์เซนอล, อาเหม็ด เฮกาซี่ จากเวสต์บรอมวิช, รามาดาน โซบี้ จากสโต๊ค และอาเหม็ด เอลโมฮามาดี้ ของแอสตัน วิลล่า
แต่ถ้าหากไร้ ซาลาห์ นี่คือปัญหาใหญ่”รูเบ้อเร่อ”เลยของขุนแข้งแห่งไอยคุปต์!!!
"อุรุกวัย"พร้อมไขว้ทุกทีม
เจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งแรก, แชมป์ฟุตบอลโลกทีมแรก และแชมป์โลก 2 สมัย อาจจะดูห่างไกลจากความสำเร็จหลังจากยุคกลางศตวรรษที่ 19 มานานมาก ๆ กระทั่งมาสร้างความฮือฮาด้วยการคว้าอันดับ 4 เมื่อปี 2010
อุรุกวัย
ทีมยังเป็นการถือบังเหียนอันยาวนานของ ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ บนวัย 71 ปี ที่ทำงานมาตั้งแต่ปี 2006 พวกเขาถือว่ามีนักเตะที่ดีกว่าทีมอื่นร่วมสาย เนื่องจากมีผู้เล่นเข้าข่ายระดับเวิลด์คลาส นั่นก็คือ หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกร้อยเล่มเกวียนจาก บาร์เซโลน่า, เอดินสัน คาวานี่ ดาวยิงอินเดียนแดงแห่งปารีส แซงต์ แชร์กแมง และขันน็อตเกมรับด้วย ดีเอโก้ โกดิน จากแอตเลติโก มาดริด
ในรอบคัดเลือก อุรุกวัย คว้าอันดับ 2 ของโซนลาติน อเมริกา เป็นรองแค่ บราซิล แต่ก็ลุ้นกันเหงื่อตกไม่น้อย สิ่งสำคัญก็คือแผงมิดฟิลด์ ที่ยัง”ไว้ใจไม่ได้” ซึ่งเป็นปัญหาเดิม ๆ เหมือนกับทุกสมัย แม้กระทั่งยุค “เจ้าชายลูกหนัง” เอ็นโซ่ ฟรานเชสโคลี่ เมื่อทศวรรษที่ 80
หลุยส์ ซัวเรซ กับ เอดินสัน คาวานี่ สองแกนรุกมหาประลัยของอุรุกวัย
ใครจะตกรอบ
รัสเซีย เหมือนกับอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับ แอฟริกาใต้ ที่พร้อมทุกอย่าง ยกเว้นในเรื่องตัวผู้เล่น จะต้องเบียดกับ อียิปต์ และอุรุกวัย ในการเข้ารอบต่อไป โดยเฉพาะ “จอมโหด” ที่ต้องการล้างอายจากการตกรอบแรกเมื่อ 4 ปีก่อน
ข้อมูลที่น่าสนใจของกลุ่ม เอ
รัสเซีย
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 4 สมัย(ไม่รวมยุคสหภาพโซเวียต)
ผลงานดีที่สุด : รอบแรก
สตาร์เด่น : อีกอร์ อาคินเฟเยฟ
ซาอุดีอาระเบีย
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 5 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบ 16 ทีม ปี 1994
สตาร์เด่น : โมฮัมเหม็ด อัล-ชาห์ลาวี่
อียิปต์
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 3 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบแรก
สตาร์เด่น : โมฮาเหม็ด ซาลาห์
อุรุกวัย
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 13 สมัย
ผลงานดีที่สุด : แชมป์โลก 2 สมัย ปี 1930 และ 1950
สตาร์เด่น : หลุยส์ ซัวเรซ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี