ขุนพลลูกหนังเซเลเซา ผิดหวังอย่างที่สุดจากครั้งก่อน เมื่อพวกเขาเป็นเจ้าภาพแต่ต้องพังพาบพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเป็นประวัติการณ์ในรอบรองชนะเลิศ
เป็นความบอบช้ำที่สุดนับตั้งแต่มีโลกฟุตบอล และฟุตบอลโลกของบราซิล
มาในครั้งนี้พวกเขากลับมาเป็นเต็ง 1 อีกครั้ง และจะร่วมสายกับ คอสตาริก้า, เซอร์เบีย และสวิตเซอร์แลนด์ นี่คือสายที่”ไม่ยาก”
แต่ก็ว่า”ไม่ง่าย”เหมือนกัน!!!
บราซิล
“บราซิล”เต็ง1ที่กลับมาเต็ง1อีกครั้ง
แชมป์โลก 5 สมัย และทีมเดียวที่เล่นบอลโลกทุกสมัย ต้องเผชิญกับความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในเวิลด์คัพครั้งที่แล้ว ทำให้การเป็นเจ้าภาพทั้งสองครั้งในปี 1950 และ 2014 มีแต่น้ำตาและความผิดหวัง
“Football is Over” หล่นจากปากคนบราซิเลี่ยน กระทั่งพวกเขาขึ้นยืนแป้นเป็นแชมป์เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่รีโอ เด จาเนโร
ฟุตบอลที่เป็นยิ่งกว่าชีวิตของพวกเขา กลับมาคืนชีพอีกครั้ง!!!
บราซิล ห่างหายความสำเร็จกับแชมป์โลกมานับตั้งแต่เวิลด์คัพฉบับเอเชีย เมื่อ 16 ปีก่อน ครั้งนี้พวกเขามีเกมรุกที่น่าสนใจ ยิ่งการได้ เนย์มาร์ จูเนียร์ หายเจ็บกลับมา คือสัญญาณอันยอดเยี่ยม บวกกับการทำงานของ ตีเต้ กับลูกทีมดูเหมือนว่า “แซมบ้า” จะลงตัวที่สุดในรอบหลายสมัยของบอลโลกเลยทีเดียว
การมีนักบอลแนวรุกชั้นดีคือธรรมชาติของพวกเขา เหมือนกับยุคทองตั้งแต่ วาว่า, ทอสเทา, การ์รินช่า, เปเล่ และแจร์ซินโญ่ กระทั่งถึงยุคของ ซิโก้, เอแดร์, โซคราเตส, กาเรก้า จนมาที่ โรมาริโอ, เบเบโต้, โรนัลโด้, ริวัลโด้ และโรนัลดินโญ่
ครั้งนี้คือ เนย์มาร์, กาเบรียล เฮซุส, คูตินโญ่ คือแกนหลักในกาเริงระบำเกมรุก อีกทั้งผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมถึงสองคนนั่นคือ อลิสซอน ว่าที่โกล์แพงสุดโลก และเอแดร์ซอน โกล์แพงสุดโลกคนปัจจุบัน
นี่คือโอกาสอันดีที่พวกเขาจะคืนชีพและล้างอายในฟุตบอลโลก เพราะสัมผัสได้ว่า “กาแฟ”ถ้วยนี้
“กลมกล่อม”ใกล้เคียงกับของแท้อย่างที่สุดแล้ว!
คอสตาริก้า
“คอสตาริก้า”ขอเซอร์ไพรส์อีกสักครั้ง
“กล้วยหอม”ทีมจอมเซอร์ไพรส์จากคอนคาเคฟ เมื่อ 4 ปีก่อนโชว์ฤทธิ์โชว์เดช ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ขุมกำลังสำคัญมาจากชุดเมื่อ 4 ปีก่อนเป็นหลัก ชื่อชั้นหลายต่อหลายคนอาจไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่พวกเขาโดดเด่นอย่างมากในเรื่องของสปิริตทีม และการเล่นแบบ”มาด้วยกัน”ไม่ใช่”วัน แมน โชว์”
ปีนี้ในตำแหน่งกุนซือเปลียนมือจาก ฮอร์เก้ หลุยส์ ปินโต้ มาเป็น ออสการ์ รามิเรซ ทีมยังคงเหมือนเดิม และยังเป็น ไบรอัน รุยซ์ แกนรุกซ้ายผ่านตลอด เป็นกัปตันทีม และกำลังหลักของทีม รวมไปถึงนายทวารด่านสุดท้ายที่วางใจได้จาก เรอัล มาดริด นั่นคือ เคย์ลอว์ นาบาส
เรื่องเหนียวไม่เป็นรองใคร ทีนี้ขึ้นอยู่กับเกมรุกของพวกเขาแล่วล่ะว่า เมื่อต้องสู้กับเกมระดับใหญ่อีกครั้ง
จะไหวเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วหรือเปล่า
เซอร์เบีย
“เซอร์เบีย”จะไม่เพลียอีกต่อไป
หากนับเฉพาะการเป็นประเทศเซอร์เบีย นี่คือครั้งที่ 2 ที่พวกเขาผ่านเข้ารอบสุดท้าย แต่ถ้าหากนับตั้งแต่ยุคยูโกสลาเวีย และเซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร นี่คือครั้งที่ 12 เข้าให้แล้ว
นับเฉพาะยุคของพวกเขาที่ปลดแอกแยกประเทศมาเป็นหนึ่งเดียว ถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก และสไตล์การเล่นไม่ได้พลิ้วไหว หรือเป็นเจ้าเทคนิคเหมือนกับแม่แบบอย่างยูโกสลาเวีย
ภายใต้การทำงานของ มลาเดน เคอร์สตายิช อดีตปราการหลังทีมชาติเซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร ชุดบอลโลก 2006 เขามีแผงมิดฟิลด์ที่น่าสนใจมาก ๆ ทั้สองจอมเก๋าอย่าง เนมานย่า มาติช จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลูก้า มิลิโวเยวิช ของคริสตัล พาเลซ โดยมี เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช ดาวโรจน์ว่าที่นักเตะค่าตัวเฉียด 100 ล้านปอนด์คนต่อไปจาก ลาซิโอ เป็นตัวบัญชาเกม
ความแข็งแกร่งตรงกลางสนามนี่แหล่ะ ที่จะช่วยให้ เซอร์เบีย ขู่คนอื่นได้ แม้ว่าตำแหน่งอื่น ๆ อาจจะไม่เด็กเลยก็แก่กันไปเลย แต่ถ้าใช้จุดแข็งของตัวเองให้เกิดผล
พวกเขามีลุ้นถึงรอบ 2 ได้ไม่น้อยเหมือนกัน
สวิตเซอร์แลนด์
“สวิตเซอร์แลนด์”เมืองนี้ไม่ได้มีแค่นาฬิกา
อดีตเจ้าภาพฟุตบอลโลก และที่ทำการของฟีฟ่า พวกเขาไม่เคยประสบความสำเร็จมากไปกว่าการเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งมันเกิดขึ้นมานานกว่า 64 ปีแล้ว
ขุนพลจากแดนนาฬิกานำทัพโดย วลาดีเมียร์ เพ็ตโควิช มีประสบการณ์การคุมทัพระดับสโมสรมากมายตั้งแต่ปี 1997 รวยมถึง ลาซิโอ จนกระทั่งมาคุมทีมชาติ หลังบอลโลก ปี 2014 พวกเขามีนักบอลที่พัฒนาตัวเองขึ้นมาดี ๆ หลายคน
โรมัน เบอร์กี้ จอมหนึบจากดอร์ทมุนด์, เรโม่ ฟัวเลอร์ จากอตาลันต้า, สตีเว่น ซูเบอร์ ของฮอฟเฟ่นไฮม์ บวกกับตัวหลักที่มีอยู่อย่าง กรานิต ชาก้า, สเตฟาน ลิทช์ไตเนอร์ และริคาร์โด้ โรดริเกวซ
อย่างไรก็ดี ความหวังของสวิสชุดนี้ยังอยู่ที่ เซอร์ดาน ชากิรี่ หรือ the Alpine Messi ที่ตกชั้นไปกับ สโต๊ค ซิตี้ แต่ฝีเท้าของเขาอาจไม่ตกชั้น
เพียงแต่เล่นได้ขึ้น ๆ ลง ๆ อาจจะฝากความหวังไว้มากไม่ไหว
แม้รอบคัดเลือกจะผลงานดี แต่โชคร้ายต้องไปเพลย์ออฟ แต่ก็ไม่ได้หมายว่า ในรอบสุดท้ายจะเป็นแบบเดิม
เต็มที่คือ รอบ 2 ก็น่าพอใจแล้ว
ใครจะตกรอบ
ไม่แปลกที่จะบอกว่า บราซิล คงนอนมาแบบไม่ต้องมีพระนำในการเข้ารอบน็อคเอาท์
ที่เหลือปล่อยให้ลุ้นกันเองทั้ง 3 ทีมมีดีคนละอย่าง คอสตาริก้า ประตูหนึบมาก น่าจะได้วัดดวงกับ เซอร์เบีย ที่กองกลางยอดเยี่ยม ส่วน สวิส มากันเป็นทีมและรอลูกประหลาดจาก ชากิรี่
ข้อมูลที่น่าสนใจ
บราซิล
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 21 สมัย
ผลงานดีที่สุด : แชมป์ 5 สมัย ปี 1958, 1962, 1970, 1994 และ 2002
สตาร์เด่น : เนย์มาร์ จูเนียร์
คอสตาริก้า
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 5 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบ 8 ทีม ปี 2014
สตาร์เด่น : เคย์ลอว์ นาบาส
เซอร์เบีย
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 2 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบแรก
สตาร์เด่น : เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช
สวิตเซอร์แลนด์
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย :11 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบ 8 ทีม ปี 1934, 1938 และ1954
สตาร์เด่น : เซอร์ดาน ชากิรี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี