ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจอย่างมาก
การผสมผสานของ 4 ทีม จาก 4 ทวีป ทำให้แต่ละเกมจะเต็มไปด้วยความแตกต่างอย่างแน่นอน เพราะทั้ง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี, “จังโก้” เม็กซิโก, “โสมขาว” เกาหลีใต้ และ “ไวกิ้ง” สวีเดน
ล้วนแต่มีความเป็นตัวของตัวเองที่ชัดเจนมาก ๆ
แน่นอนว่า เยอรมนี คือตัวเต็งของกลุ่ม และไม่น่าจะสะดุดขาตัวเองหกล้มแม้ว่า 3 จาก 4 สมัยหลังสุดในฟุตบอลโลก
แชมป์เก่าจะตกรอบแรกก็ตามที.....แต่นี่ เยอรมนี คงยากหน่อย!!!
“เยอรมนี”มีดีถึงขั้นป้องกันแชมป์
จากชัยชนะสุดพลิกล็อค “Miracle of bern” เมื่อปี 1954 ก้าวมาจนถึงการเป็นทีมแรกที่ครองถ้วย”ฟีฟ่า เวิลด์คัพ” ปี 1970
ความผิดหวังในการเป็นแค่”พระรอง”ถึงสองสมัยติดต่อกันเมื่อปี 1982 และ 1986 ก่อนจะยึดแชมป์สมัยที่ 3 เมื่อปี 1990 เป็นของขวัญชิ้นสำคัญพร้อมกับการทุบกำแพงเบอร์ลิน ให้พี่น้องฝั่งตะวันตกและตะวันออก กลายเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครา
มาในเวลานี้ “อินทรีเหล็ก” ในยุค”รวมร่าง”ได้ถึงจุดสมบูรณ์แบบของวงการลูกหนัง เมื่อได้แชมป์โลกถึงถิ่นอเมริกาใต้ เป็นชาติแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
นาทีนี้ เยอรมนี ยังคงแข็งแกร่งและมีตัวเลือกอย่างมากมายชนิดที่ทีมอื่นต้องอิจฉาการทำงานของ โยคาคิม เลิฟ
ขนาดปีกชั้นดีดีกรีแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง ลีรอย ซาเน่ ยังถูกตัดออกจากทีมที่ “ล้นจนเกินไป”
นักบอลในอุดมคติจึงเกิดขึ้นกับ เลิฟ แบบล้วน ๆ และดูเหมือนว่าการมี ติโม แวร์เนอร์ เข้ามาอยู่ในทีม อาจทำให้ปัญหา”กองหน้าตัวเป้า”หมดไป
บวกกับกองกลางที่มี โทนี่ โครส หรือ “โครส คอนโทรล” เป็นตัวจักรสำคัญ รวมไปถึง มานูเอล นอยเออร์ ที่ไม่ได้เล่นเลยในปีนี้ สามารถฟิตทันกลับมาเฝ้าเสาในรอบสุดท้ายแบบ”ทันเวลา” ดูเหมือนกับว่า ทุกสิ่งอย่างกำลังจะเป็นใจให้กับ “อินทรีเหล็ก” ตัวนี้เป็นอย่างมาก
การมีแกนและระบบที่ชัดเจน ทำให้นักบอลหลายคนของทีม รวมถึงการ”ร้องขอ”ให้สโมสรในประเทศ เดินไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องแนวทางการเล่น
ถือเป็นการช่วยราษฏร์เสริมรัฐให้กับทีมนี้
เมื่อบวกกับคุณภาพมาตรฐาน และหัวจิตหัวใจ พวกเขารับประกันซ่อมฟรีอยู่เสมอว่า รอบ 8 ทีมสุดท้าย คือของตาย
หลังจากนั้นไปคือของจริง!!!
เม็กซิโก
“เม็กซิโก”
อดีตเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2 สมัย ในปี 1970 และ 1986 มีสไตล์การเล่นในรูปแบบของตัวเอง รวมถึงมีนักเตะที่เปี่ยมด้วยสีสัน เป็นที่น่าจดจำมากมาย
ฮูโก้ ซานเชส ดาวยิงจอมตีลังกาในยุคปี 1986, ฮอร์เก้ คัมโปส นายประตูจอมสีสันในยุค 90 รวมไปถึง “เจ้าชายกบ” เคาเตอร์ม็อค บลังโก้ กองหน้าที่มีลีลาหนีบบอลกระโดดหลบคู่แข่ง
มาจนถึงยุคปัจจุบัน เม็กซิโก ยังคงมีนักเตะที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง อย่างน้อยก็คือ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ชิชาริโต้ หัวหอกร่างเล็ก ยังเป็นที่จดจำของแฟนฟุตบอล รวมไปถึงจอมเก๋าวัย 39 ปีอย่าง ราฟาเอล มาร์เกวซ ยังคงติดอยู่ในทีมชุดนี้ เช่นเดียวกับ กิลเยร์โม่ โอชัว นายประตูจอมเซฟ ที่สร้างชื่อเมื่อ 4 ปีก่อน
สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของพวกเขา ก็คือไม่ค่อยมีดาวรุ่งดวงใหม่มาประดับทีมมากมายเท่าไหร่นัก ทำให้พื้นที่เปิดกว้างสำหรับนักกีฬายุคเดิม ๆ ได้กลับมาเล่น รวมไปถึง โอริเบ้ เปรอลต้า เจ้าเวหาวัย 34 ปี ยังได้สิทธิ์อยู่ในทีมตะลุยรัสเซีย
ความเก๋าเป็นสิ่งที่ต้องมี แต่ในทัวร์นาเมนท์แบบนี้ ความสดก็สำคัญไม่น้อย เป็นปัญหาใหญ่ให้กับ ฮวน คาร์ลอส โอโซริโอ อดีตผู้ช่วยกุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยุคต้นมิลเลนเนี่ยม
ต้องบริหารจัดการให้ได้อย่างเร่งด่วน
เกาหลีใต้
“เกาหลีใต้”อีกครั้งกับสไตล์วิ่งสู้ฟัด
การเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้สำเร็จถือว่ายิ่งใหญ่แล้ว
แต่การเข้ามาแข่งขันแบบรัว ๆ ติดต่อกันมา 9 สมัยติดต่อกันถือว่าไม่หมูแน่นอน และทีมที่กล่าวถึงคือ “โสมขาว” เกาหลีใต้ ที่”จองโควต้า”ต่อเนื่อง
สิ่งที่ติดตาของแฟนบอลคือ สไตล์การเล่นแบบกัดไม่ปล่อย ตามติดทุกจังหวะ การไล่เตะ ดีเอโก้ มาราโดน่า กลิ้งเป็นลูกขนุนเมื่อปี 1986 คือภาพที่แฟนบอลไม่ลืม เช่นเดียวกันกับ วีรกรรมของพวกเขาเมื่อปี 2002 ที่ได้อันดับที่ 4
การคว่ำ อิตาลี และสเปน เป็นสิ่งมหัศจรรย์ แต่เมื่อพินิจพิจารณารวมถึงดูช็อตสำคัญจะเห็นได้ว่า ภาพลักษณ์ของพวกเขาในสายตาชาวโลก ถือว่า “ติดลบ” อย่างมาก
แน่นอนว่า เมื่อถึงเวลานี้จากเดิมที่ติดภาพเกาหลีใต้ว่า “ขี้โกง” ในยุคการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 1988 และบอลโลก 2002 นาทีปัจจุบัน ภาพของเกาหลีกลายเป็น “การทำกับข้าว” และ “นักร้อง” ที่มาปกปิดเรื่องราวต่าง ๆ ให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาดีขึ้นมาก
เช่นเดียวกับเกมในสนาม เกาหลีใต้ ยกระดับความสามารถขึ้นมาได้เยอะมาก กลายเป็นสินค้าส่งออกไม่แพ้ “กิมจิ” และดาราเกาหลี
พวกเขามีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเมื่อ อูลี่ สตีลิเก้ โดนปลดและทำให้ ชิน แต-ยอง อดีตนักเตะทีมชาติยุค 90 เข้ามาทำงานแทน
แกนหลักสำคัญอยู่ที่แข้งดังอย่าง ซอน ฮึง-มิน ที่มีซีซั่นที่ยอดเยี่ยมกับ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ในพรีเมียร์ลีก ที่จะเล่นเกมรุกกับ ฮวาง ฮี-ชาน หัวหอกจาก ซัลซ์บวร์ก
ขณะที่แดนกลาง คู จา-โชล จาก เอาก์สบวร์ก กับ คี ซุง-ยอง จาก สวอนซี ซิตี้ คือหัวใจในการปั้นเกม และมี อี ซึง-วู จากเวโรน่า เป็นอีกคนที่จะช่วย ซน ฮึง-มิน ทะลุทะลวง
ประเด็นคือ เพื่อนร่วมสายของพวกเขาแกร่งมาก และทั้ง 3 เกมนั้นจัดว่า ยากสุด ๆ สำหรับแกงค์ลูกหนังจากโสมขาว
สวีเดน
“สวีเดน”ไวกิ้งที่ยังแข็งแกร่ง
ไม่ว่ายุคใดสมัยใด ดูเหมือนกับว่า ทีมชาติสวีเดน ยังคงเป็นทีมที่เป็น”ม้านอกสายตา” แต่ม้าตัวนี้มักจะทำให้ทีมชั้นนำ “น้ำตาตก” มาแล้วนักต่อนัก
เช่นเดียวกับเส้นทางสู่เวิลด์คัพครั้งนี้ พวกเขาหักอก “มะกะโรนี” ทีมชาติอิตาลี น้ำตาตกในรอบเพลย์ออฟ ได้ตั๋วมาแบบ”แทบไม่มีใครเชียร์”
ขุนพลไวกิ้ง มีความเด็ดเดี่ยว เมื่อปฏิเสธคำร้องขอ(แกมบังคับ)ของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่อยากกลับมาร่วมทีมชาติอีกครั้ง แต่ ยานน์ แอนเดอร์สสัน กุนซือไม่พูดว่า”ปฏิเสธ”
แต่อาศัยการ”ส่ายศรีษะ”เป็นคำตอบสุดท้าย
นักเตะชุดนี้มีดีอะไร? ถึงได้คว่ำทีมดัง และปฏิเสธนักบอลที่หลายทีมต้องการอยาง ซลาตัน สิ่งหนึ่งก็คือการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจของ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก จอมทัพจาก อาร์แบ ไลป์ซิก ที่มีการจ่ายบอลที่เด็ดขาด และพูดได้เต็มปากว่า มีซ้ายของเขาไม่ต้องมีขวาของใคร
ที่ดีกว่านั้นก็คือ เกมรับ ที่ถูกยกย่องให้เป็น Solid defence ของจริง แม้ว่า วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ จะมีฤดูกาลที่แย่กับ แมนฯยูไนเต็ด แต่เมื่อเล่นรวมกับ พอนตัส แยนส์สัน ของลีดส์ ยูไนเต็ด กลับกลายเป็นของดี และเคมีตรงกับแบ๊คสองฝั่งทั้ง มิคาเอล ลุสติก กับ มาร์ติน โอลส์สัน
นี่เป็นอีกหนึ่งทีมที่เข้าตำราว่า “แพ้ยาก” แต่ในทางตรงกันข้าม
สวีเดน ก็เป็นประเภท”ชนะใครได้ยาก” เช่นเดียวกันเลยนะ!!!
ข้อมูลที่น่าสนใจ
เยอรมนี
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 19 สมัย
ผลงานดีที่สุด : แชมป์โลก 4 สมัย ปี 1954, 1970, 1990 และ 2014
สตาร์เด่น : โทนี่ โครส
เม็กซิโก
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 16 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบ 8 ทีม ปี 1970 และ 1986
สตาร์เด่น : ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ
เกาหลีใต้
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 10 สมัย
ผลงานดีที่สุด : อันดับ 4 ปี 2002
สตาร์เด่น : ซน ฮึง-มิน
สวีเดน
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 12 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รองแชมป์ ปี 1958
สตาร์เด่น : เอมิล ฟอร์สเบิร์ก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี