ล่าแชมป์โลกสมัย2!
‘ตราไก่’คว่ำเบลเยียม
ผงาดชิงเวิลด์คัพ2018
แฟนบอลหวิดจลาจล
“ไก่ทองคำ” ทีมชาติฝรั่งเศส เฉือนเอาชนะ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม 1-0 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลก 2018 หรือเวิลด์คัพ ครั้งที่ 21 ได้สำเร็จ ในการแข่งขันที่นครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย
ในเกมนี้ ฝรั่งเศส ยังคงจัดผู้เล่นจุดเก่งในระบบ 4-3-3 มี อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นสามประสานเกมรุก ส่วนเบลเยี่ยมที่ไม่มี โธมัส เมอนิเย่ร์ ที่ติดโทษแบน ทำให้ต้องเอา นาเซอร์ ชาดลี่ ไปยืนทางขวาแทน และเอา มุสซ่า เดมเบเล่ ลงไปคุมจังหวะแดนกลาง
เริ่มเกมครึ่งแรก เบลเยี่ยม มาแบบไม่กลัวเดินหน้าบุกเข้าใส่ มีจังหวะได้ลุ้นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังติดเซฟของ อูโก้ โยริส ส่วนฝรั่งเศส อาคัยจังหวะสวนกลับแต่ก็ยังไม่มีโอกาสเท่าไหร่ และกลายเป็น ฝรั่งเศส เริ่มต้นเกมมีลุ้นขึ้นมาทำเกมรุกเหมือนกัน โดยเฉพาะจังหวะที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จ่ายทะลุช่องให้กับ เบนฌาแมง ปาวาร์ แบ็กขวาได้หลุดไปซัดแต่ก็ติดเซฟของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอ 0-0
กลับมาเล่นครึ่งหลัง เบลเยี่ยมเดินหน้าบุกแหลก แต่มาโดนโต้กลับเสียลูกเตะมุมในนาทีที่ 51 ก็เสียประตูทันที จากจังหวะเตะมุม อองตวน กรีซมันน์ เปิดให้กับ ซามูแอล อุมติตี้ ปราการหลังร่างใหญ่ วิ่งโฉบตัดหน้า มารูยาน เฟลไลนี่ บอลพุ่งผ่านมือ ติโบ กูร์กตัวส์ เข้าไปเสียบเสาแรกไม่เหลือ ฝรั่งเศส ออกนำ 1-0
จากนั้น เบลเยี่ยมพยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างหนัก โดยใช้บอลริมเส้น แต่ปัญหาคือการครอสเข้าไปแล้วไม่แม่น ทำให้ โลเมลู ลูกากู และ มารูยาน เฟลไลนี่ แผงฤทธิ์ไม่ออก ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้ ทำให้จบเกม ฝรั่งเศส เฉือนเอาชนะ เบลเยี่ยม 1-0 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ
จากชัยชนะนัดนี้ ทำให้ ฝรั่งเศส ผ่านเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 3 และล่าแชมป์โลกสมัยที่ 2 โดยก่อนหน้านี้เข้าชิงปี 1998 เอาชนะ บราซิล ไปได้ 3-0 และเข้าชิงอีกครั้ง ปี 2006 แต่ว่าแพ้ให้กับ ทีมชาติอิตาลี ในการดวลจุดโทษ 4-5 หลังจากเสมอกันในเวลา 1-1
ภายหลังการแข่งขัน ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เทรนเนอร์ฝรั่งเศส เปิดเผยว่า เป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมมากๆ ผมดีใจกับทุกๆ คน นักเตะบอล-สต๊าฟฟ์โค้ช-แฟนบอล-ประชาชนชาวฝรั่งเศส เราแสดงให้เห็นถึงแคแรคเตอร์ของพวกเราแล้ว ว่ายอดเยี่ยมแค่ไหน ในเวลาที่เราเจอกับความยากลำบากในการเล่น
“พวกเราทำงานกันหนักมาก โดยเฉพาะเกมรับ ทุกคนทำงานหนัก ทำงานกันเพื่อทีมจริง ๆ ผมมองว่า เราน่าจะทำประโยชน์ให้ได้มากกว่านี้ในเกมเคาน์เตอร์แอตแทค แต่อย่างไรก็ตาม ผมขอชื่นชมทุกคนมากๆ” เดส์ชองป์ กล่าว
ขณะเดียวกันในประเทศฝรั่งเศส ที่มีการจัดกิจกรรมการชมกันทั่วประเทศ ได้มีการออกมาฉลองชัยกันในใจกลางกรุงปารีสอย่างคึกคัก โดยแฟนบอลออกมามากกว่าในช่วงที่พวกเขาลุ้นแชมป์ในปี 2006 แต่มากเหมือนกับเมื่อ 20 ปีก่อนตอนที่ได้แชมป์สมัยแรก ในการเป็นเจ้าภาพ
อย่างไรก็ตาม เกิดเหตุการณ์วุ่นวายที่ย่าน กูส์ ซาเลย่า ในเมืองนีซ มีแฟนบอลหลายพันคนออกมาชมเกม และเกิดเหตุมีคนจุดพลุฉลองในช่วงก่อนหมดเวลาการแข่งขัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นเสียงปืน ส่งผลให้คนหนีตายกันอย่างสุดชีวิตจนทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 30 คน เลยทีเดียว
พยานรายหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์เปิดเผยว่า มีคนกลุ่มใหญ่วิ่งหนีตายกัน มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาจากแถว กูส์ ซาเลย่า พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องกันดังสนั่นและมีสีหน้าหวาดกลัวสุดๆ บางคนที่อยู่ด้านนอกต้องเข้ามาหลบอยู่ข้างในร้านต่าง ๆ โชคดีที่มันเป็นแค่พลุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี