การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 นัดชิงอันดับ 3 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม มีขึ้นที่สนามเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดี้ยม ประเทศรัสเซีย เป็นการพบกันระหว่างเบลเยี่ยมกับอังกฤษ
เกมนี้เบลเยี่ยมปรับทัพบางตำแหน่ง โดยให้ ยูริ เทเลมองต์ ลงคุมแดนกลางร่วมกับ อัตเซล วิสเซล ส่วนอังกฤษก็ส่งตัวสำรองอย่าง เอริค ดายเออร์, ฟาเบี่ยน เดลฟ์, รูเบน ลอฟตัน-ชีค, ฟิล โจนส์ และ แดนนี่ โรส ลงเล่น
เริ่มเกมครึ่งแรก เบลเยี่ยม มีแม้ว่าจะครองบอลได้น้อยกว่า แต่พวกเขามีจังหวะสวนกลับและได้จบสกอร์อยู่หลายครั้ง ซึ่งเพียงนาทีที่ 4 เท่านั้นก็มาได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะขึ้นเกมทางซ้าย นาเซอร์ ชาดลี่ เปิดให้กับ โธมัส มูนิเย่ร์ วิ่งเข้ามาชาร์จไม่เหลือ
จากนั้นรูปเกมค่อนข้างสูสีกัน อังกฤษ ก็พอมีโอกาสอยู่บ้างแต่ไม่เข้าเป้า ทำให้จบครึ่งแรก เบลเยี่ยม นำอยู่ 1-0
กลับมาเล่นครึ่งหลัง อังกฤษ แก้เกมด้วยการส่ง เจสซี่ ลินการ์ด และ มาร์คัส แรชฟอร์ด รูปเกมดีขึ้นอย่างชัดเจน มีโอกาสจะได้ประตูตีเสมอจาก เอริค ดายเออร์ ที่หลุดเดียวไปชิพข้าม ธีโบต์ กูร์กตัวส์ แต่ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ วิ่งเข้ามาสกัดจากเส้นได้ทัน
เกมดำเนินไป จนนาทีที่ 82 เบลเยี่ยม มาได้ประตูนำห่าง 2-0 จากจังหวะจ่ายบอลตัดแนวรับของ เควิน เดอ บรอยน์ ไปให้กับ เอแดน อาซาร์ หลุดไปเดี่ยว 1-1 กับ จอร์แดน พีคฟอร์ด ก่อนจะซัดเข้าไปไม่เหลือ
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้ ทำให้จบเกม เบลเยี่ยม เอาชนะ อังกฤษ 2-0 คว้าอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ไปครองได้สำเร็จ พร้อมกับเป็นการจบอันดับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขาด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี