สัปดาห์แห่งการพักเบรกทีมชาติ หรือว่า “ฟีฟ่าเดย์” ดูเหมือนมันยาวนานมากๆ
หลังจากฟุตบอลโลกจบลง การรวมตัวกันอีกทีกับทีมชาติดูเหมือนว่า คนอาจจะไม่ค่อยแฮปปี้กันเท่าไหร่
เพราะบอลระดับสโมสรกำลังเล่นกันได้อย่างเร้าใจมากๆ
โดยเฉพาะฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งตอนนี้กำลังลุ้นกันได้สนุกมากๆ
มีการออกสตาร์ทอย่างน่าสนใจเมื่อ 3 ทีม ที่นัดกันเก็บชัยชนะในการออกสตาร์ท 4 เกมรวด 12 คะแนนเต็ม
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล, “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี และ “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด
3 ทีมที่มีทิศทาง และความคาดหมายที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
เริ่มจาก ลิเวอร์พูล จ่าฝูงด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่าทีมอื่น
ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทได้สมราคาเต็ง 2 แต่ความผิดพลาดของ อลิสซอน ทำให้ทีมต้องตกอยู่ในเสียงวิพากษ์วิจารณ์แม้จะชนะรวดก็ตาม
นับเป็นการออกสตาร์ทที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ “พรีเมียร์ลีก” ของทีมดังแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์ เพราะพวกเขาเป็นแบบนี้หนสุดท้าย คือการเล่นเมื่อปี 1990-91 ซึ่งเป็นฤดูกาลต่อจากการเป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 ปี 1990
หนนั้น เคนนี่ ดัลกลิช ยังคุมทัพอยู่ในยุคแรก นำทัพ “เครื่องจักรสีแดง” ออกสตาร์ทได้แรงกว่ายุค “ไมห์ตี้เรดส์” ปี 1987-88 หรือ แซมบ้า ซีซั่น แม้กระทั่งในปีที่ได้แชมป์ก็เล่นไม่ได้เท่านี้
ปีนี้ การเสริมทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แสดงให้เห็นถึง “ความจริงจัง” ในการ “ล่าถ้วย” หลังจากเข้ามาทำงานกำลังจะครบ 3 ปี ทุกอย่างดูเดินหน้าไปทางด้านบวก
การเล่นดีดูเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ความสำเร็จยังไม่มีอะไรที่จับต้องได้
การทำงานของ คล็อปป์ ในทุกย่างก้าวถูกจับตามองตลอด เมื่อเขาเข้าตลาดและนำตัวนักเตะที่ตัวเองต้องการมาใส่ทีมอย่างต่อเนื่อง และสมบัติจากยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เริ่มจะค่อยๆ หายไป
เอแด็น อาซาร์ ตัดสินใจอยู่ต่อ และมีส่วนสำคัญทำให้หมาก 4-3-3 ของ ซาร์รี่ สุดอันตรายและน่าจับตามองอย่างมาก
ประเด็นคือ ไม่ใช่ต้องลุ้นแชมป์ แต่จำเป็นต้องลุ้นแชมป์
ในอดีตที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ไม่เคยเข้าสู่ตลาดนักบอลได้แรงเท่านี้มาก่อน การซื้อกองหลังเป็นสถิติโลก กับการซื้อผู้รักษาประตูเป็นสถิติโลก เกิดขึ้นแล้วที่แอนฟิลด์
ดังนั้นการออกสตาร์ทด้วยชัยชนะ 4 นัด น่าจะช่วย “ทุ่นแรง” และ “ลดแรง” กระแทกกระทั้นได้เยอะมาก แม้จะมีประเด็นความผิดพลาดของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ กับการเสียประตูแบบ “เสียค่าโง่” ในเกมกับ เลสเตอร์
แต่บนความ “โชคร้าย” ก็มีความ “โชคดี” เมื่อทีมยังเก็บ 3 คะแนนเต็ม จึงไม่เสียหายมาก
ยกเว้นจะถูกล้อเลียนในโลกออนไลน์
หากคิดว่าเป็นเรื่อง “ช่างหัวมัน” ก็จะทำให้จิตใจสบาย ไม่วิตกจริต หรือจิตตก
เพราะคือ “ความผิดพลาด” แต่ไม่ถึงกับ “ตราบาป” แต่อย่างใด
ที่สำคัญมันยังไม่ถึงกับคำว่า “อาถรรพ์” หรือคำว่า “คำสาป” อย่างที่หลายคนว่ากัน เพราะจากสภาพคือความผิดพลาดที่ “ต่อมความมั่นใจ” โตเกินไปนั่นเอง
ที่สำคัญก็คือ กลุ่มนักเตะของ คล็อปป์ ในซีซั่นนี้อาจจะดูดีขึ้น และระยะห่างของนักเตะอาจจะถูกย่อลง เพียงแต่แผนการเล่น ณ เวลานี้ ยังไม่เห็น “ก๊อกสอง” หรือว่า “แผนสอง”
ประเด็นคือ น่าจะยังไม่ถึงเวลาใช้ หรือว่าไม่มีนี่ต้องดูกันต่อ
หากจะต้องสรุป ณ เวลานี้ กรณีของ ลิเวอร์พูล ถือว่า มาแบบตามนัด
ขยับมาที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี
ในความเป็นจริง ถือว่ายอดทีมจากเคนซิงตันย่านคนรวย ถือว่า “สตาร์ทช้า”กว่าทีมอื่นทั้งหมด เพราะมีแต่ปัญหา
“เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมถูกปฏิเสธเรื่องวีซ่า ไม่ให้เข้าประเทศอังกฤษ
วัตฟอร์ด ออกสตาร์ทได้เหลือเชื่อ ถูกใจ เซอร์เอลตัน จอห์น อย่างมาก
เหตุการณ์นี้ยังผลให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่มาถึงเรื่องการขยายสนามใหม่ ตามด้วยการปลด อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ช้า เนื่องจากเจ้าตัวบินกลับมาคุมทัพแล้ว
ไหนจะเป็นประเด็นนักบอลขาใหญ่อยากอยากทีมมีข่าวเป็นพัลวันทั้ง เอแด็น อาซาร์, ติบอร์ กูร์กตัวส์ และเอ็นโกโล่ ก็องเต้
กระทั่งการตั้ง เมาริซิโอ ซาร์รี่ เข้ามาทำงานแทนที่ คอนเต้ ทุกอย่างเริ่มต้นช้าก็จริง แต่น่าสนใจตรงที่ ซาร์รี่ ทำงานต่างๆ ได้รวดเร็วมาก
โดยเฉพาะการวางแท็กติกการเล่น และเพิ่มความมั่นใจใหม่ให้กับนักบอล จากเดิมระบบ 3-4-3 หรือบางที 3-6-1 ด้วยซ้ำในยุคคอนเต้ กลายเป็น 4-3-3
นำคนสักคนที่เรียกมาช่วยงานจากถิ่นเก่า จึงเลือกกองกลางอย่าง จอร์จินโญ่ เข้ามาร่วมงาน ก่อนจะยืมตัว มัตเตโอ โควาซิช เข้ามา และล็อกตัว ก็องเต้ ไม่ให้ย้ายไป เปแอสเช
ตามด้วยการปล่อย กูร์กตัวส์ แล้วไปดึงเอา เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า จอมหนึบจากแอธเลติก บิลเบา ในราคาสถิติโลกใหม่แทนที่ อลิสซอน
เจรจากับ อาซาร์ ให้อยู่กับทีมต่อ แล้วเพิ่มความมั่นใจในการเล่นเกมรุก บวกกับปลุก ดาวิด ลุยซ์ คืนชีพมาได้อย่างน่าสนใจมากๆ จากคนที่ไม่มีค่าเมื่อปีก่อน
กลายมาเล่นดีหน้าตาเฉยในช่วงต้นซีซั่น
ถ้าว่ากันด้วยนักบอลในทีม ถือว่าไม่แปลก เพราะนักบอลถือว่ามีระดับมีคุณภาพคับแก้วด้วยกันทั้งนั้น แต่ด้วยสถานการณ์ถือว่าแปลกมากๆ ที่มาถึงตรงนี้ได้
หากจะต้องสรุป ณ เวลานี้ กรณีของ เชลซี ถือว่า มาแบบเหลือเชื่อ
มาถึง วัตฟอร์ด ที่ถือว่าพลิกล็อกอย่างที่สุด
เริ่มต้นซีซั่นด้วยการปล่อยนักเตะออกไป 18 คน หนึ่งในนั้นได้ราคาเงินสด 40 ล้านปอนด์ เป็นค่าตัวของ ริชาร์ริซอน
นอกจากนี้ยังปล่อยยืมไปอีกถึง 15 คน
แปลกดีเหมือนกันว่า ทำไม วัตฟอร์ด ถึงมีนักเตะเยอะขนาดนี้
พวกเขาใช้เงินซื้อนักบอลใหม่มา 8 คน ใช้เงินสูงสุดคือ เคราร์ด เดโลเฟว ในราคา 11.5 ล้านปอนด์
ทำไปทำมา วัตฟอร์ด ชนะได้ 4 เกมรวด ทำสถิติมากมายให้กับสโมสร เริ่มจากการชนะ สเปอร์ส หนแรกนับตั้งแต่ปี 987 ทำให้ สเปอร์ส ต้องหยุดสถิติเอาไว้ที่ชนะติดกัน 3 เกมอีกต่างหาก
วัตฟอร์ด ยังชนะรวด 4 เกมแรกของซีซั่นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก หนสุดท้ายที่ทำได้คือ ปี 1987 พร้อมกับชนะในบ้าน 4 เกมรวดรวมตั้งแต่ซีซั่นก่อน หนแรกในรอบ 32 ปี
สไตล์การทำงานของ ฆาบี้ การ์เซีย กุนซือชาวสแปนิช ที่เน้นระบบการยืน คล้ายกับอัดแน่นเป็น 4 ชั้น คือ 4-2-2-2 อาศัยความเข้าใจกัน แทบจะเดินไปหาเหมือนกับมาร์คจุด รวมไปถึงการเล่นที่เข้าใจกัน และมีลูกสูตรที่น่าสนใจ
หลายจังหวะเล่นงานคู่แข่งจากเซตเพลย์ที่ซ้อมมาอย่างเข้าใจกันมากๆ
ทั้งที่ตอนนี้นักบอลหลายคนที่เป็นหลักของทีมจากซีซั่นก่อน ยังไม่พร้อมหลายคนทั้ง นาธาเนี่ยล ชาโลบาห์, มิเกล บริตอส รวมไปถึง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ รวมไปถึงตัวใหม่จอมพเนจรตั้งแต่เด็กอย่าง เดโลเฟว
แต่จากนี้ วัตฟอร์ด จะไปต่อได้ขนาดไหน ตอนนี้ถูกมองว่าจะเป็น “เลสเตอร์ 2” ด้วยซ้ำไป หลังจากมีสถิติที่บ่งบอกว่า พวกเขา “อาจจะ” ทำได้เหมือนกัน
นั่นคือ ซีซั่น 2015 เลสเตอร์ จบอันดับ 14 มี 41 คะแนน และปีรุ่งขึ้นเป็นแชมป์
ซีซั่นที่แล้ว วัตฟอร์ด จบอันดับ 14 มี 41 คะแนน เหมือนกัน ส่วนปีรุ่งขึ้นจะเป็นอย่างไร
หากจะต้องสรุป ณ เวลานี้ กรณีของ วัตฟอร์ด ถือว่า มาแบบมาได้ยังไง
...ยังงง
........ที่นี้ต้องมาดูกันต่อว่า เมื่อโปรแกรมสัปดาห์นัดที่ 5 กำลังจะมาถึง จะเหลือทีมไหนที่ชนะรวดได้ในทุกๆ เกม
ลิเวอร์พูล หนักสุดนั่นคือต้องเดินทางไปเจอกับ สเปอร์ส ที่มหานครลอนดอน
วัตฟอร์ด ต้องเปิดบ้านรับมือกับ แมนฯยูไนเต็ด ที่เหมือนกับว่ากำลังลุกได้แล้วจากหลุมและเงาของตัวเอง
เชลซี จะได้เล่นในบ้านเจอกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทำให้มีโอกาสมากที่สุดในการลุ้นชนะ 5 เกมติด
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องตื่นเต้นอะไรกันมาก เพราะนี่เป็นแค่เริ่มต้น แค่ออกวิ่งจากจุดสตาร์ท แน่นอนว่า เริ่มต้นดีมันคือมีชัยไปกว่าครึ่ง
บางทีเริ่มต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชาก็เยอะแยะ
สรุปคือ หายใจลึกๆ แล้วไปต่อครับ!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี