ในความทรงจำครั้งก่อน...กระโน้น!
ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ดูฟุตบอลอย่างเป็นทางการก็คือ “แดงเดือด” ในศึกลีกคัพ ปี 1983 หรือ มิลค์คัพ ในยุคนั้น
ลิเวอร์พูล พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
“อีกหนึ่งคือหงส์แดง อีกหนึ่งคือปีศาจแดง โคจรมาปะทะกัน ความเร้าใจย่อมอุบัติ!” เสียงสปอตโฆษณาครั้งโน้น ยังจดจำแม่น แม้ว่าตอนนั้นจะอยู่ในวัย 6 ขวบเศษ ๆ
ไม่เข้าใจว่า จำทำไม และจำมาได้ยังไงเหมือนกัน
สุดท้ายด้วยบุญหนุนนำสวรรค์ส่งหรือนรกถีบ ผมมีโอกาสได้ไปชมเกมการแข่งขันจริง หลังจากไม่เคยพลาดสักเกมที่ถ่ายทอดสดกลับมาเมืองไทย...ให้ตายซิ!
เป็นบรรยากาศที่แตกต่างอย่างชัดเจน การไปดูเกมแดงเดือด 2 ครั้งจาก 2 สนาม เริ่มจากปี 2005 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และล่าสุดเมื่อปีกลาย ที่แอนฟิลด์
ช็อตแจ้งเกิดของ แกรี่ เนวิลล์ เมื่อปี 2005
.......สกรูกลับไปในการเดินทางไปชมเกมครั้งแรก หนนั้นผมไปกับ “ยูบีซี” กับเกมนั้นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในยุคที่ ราฟา เบนิเตซ นำทีมได้แชมป์ยุโรป ทำให้แฟนบอลหงส์ ร้องเพลงขย่มเรื่องได้แชมป์ 5 สมัย ทำเอาเจ้าที่ถิ่นกับอึ้งไปพักใหญ่
ก่อนจะรวมพลังใจกันตะโกนเชียร์แบบสุดขั้ว จนบรรดาเดอะ ค็อป ต้องเงียบเสียงไปเอง
ในเกมนั้น ลิเวอร์พูล ครองเกมได้เหนือกว่าอย่างชัดเจนที่สุด มีโอกาสได้ประตูหลายต่อหลายครั้งแต่ทำอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะ”ลูกตกใจ”หน้าประตูของ ฌิบริล ซิสเซ่ แต่กลับยิงข้ามคานออกไปจากระยะไม่ถึง 10 หลา
บ่องตง...ลูกนั้นหลับหูหลับตายิงก็ต้องเข้า!
ผมอยู่ตรงใกล้กับ ๆ กับอัฒจันทร์ฮาร์ดคอร์ “สเตรทฟอร์ด เอนด์” แฟนบอลผีอึดอัดกับเกมตะโกนด่าไม่หยุด และสบถอย่างเดียวไม่ว่า
มี”ถ่มน้ำลาย”ใส่มาด้วย
ตอนนั้นเป็นช่วงที่ มัลคอล์ม เกลเซอร์ เจ้าของทีมอเมริกัน ฟุตบอล NFL อย่าง แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส เพิ่งจะมาเทคโอเวอร์ทีมไม่นาน แฟนบอลเกลียดอเมริกันเข้าไส้ มันความซวยของผมหรือเปล่าไม่ทราบ ที่ใส่เสื้อหนาวของทีมเดนเวอร์ บรองโกส์ อีกหนึ่งของ NFL เข้าไปชมเกม เพราะอากาศวันนั้น 0 องศาเซลเซียส
แรก ๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่นั่งไปมาพี่ที่เค้านั่งด้านบน เริ่มไม่พอใจนักบอล แต่เริ่มหากที่ระบาย เอื้อมมือมา สะกิดถามผม
“เฮ้ย...ยู ลื้อเป็นพวกอเมริกันรึเปล่า”
ภาพบรรยากาศที่แอนฟิลด์ วันปลดปล่อยดวงวิญญาณ เมื่อปีที่แล้ว
สำเนียงเปื้อนเนย ไม่ได้บ่งบอกเลยว่า อยากจะเป็นมิตร ดังนั้น อั๊วะก็เลยไม่ตอบครับยิ้มแหย ๆ และได้แต่คิดว่า “หน้าอย่างนี้ ลื้อดูไม่ออกหรือไงฟะ”
สักพัก สตีเว่น เจอร์ราร์ด เดินมาเตะมุม แฟนบอลผีตะโกนด่า “ลื้อจะมาเตะตรงนี้ทำไมว่ะ ไปจากตรงนี้ ไป ไป ไป!!!”
เจอร์ราร์ด ทำหน้าเอ๋อ เหมือนกับที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่โดนด่าเละเมื่อเขาวิ่งมาเก็บบอลที่ออกหลัง แฟนบอลผีตะโกนด่าว่า “ลื้อจะมาเตะบอลทำไม เมืองลื้อมีแต่คนตกงานเต็มไปหมด”
เป็นใครก็ต้องทำหน้าเอ๋อ แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหน!?!?!?
กระทั่งนาทีสุดท้ายของเกม ผมมองเห็นเวลามันอยู่ที่ 89.59 นาที จังหวะนั้น แมนฯยูไนเต็ด ได้ฟรีคิก แล้วเป็น ริโอ เฟอร์ดินานด์ โขกเต็ม ๆ ตุงตาข่าย ทำให้ ยูไนเต็ด ชนะ 1-0
ก่อนจะเป็นที่มาของภาพประวัติศาสตร์ที่ แกรี่ เนวิลล์ วิ่งไปดีใจแล้วจูบสัญลักษณ์ของยูไนเต็ด ใส่แฟนบอลเดอะ ค็อป
ตัดกลับมาที่แฟนบอล...จังหวะลูกเข้าไปตุงตาข่าย ลองคิดเอาครับแฟนบอลกว่า 7 หมื่นคน แหกปากที่อัดอั้นมา 89.59 นาที มันจะดังขนาดไหน ทุกคนลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วตะโกน, กระโดด เต็มที่ทุกอย่างประดามี ผมที่ไม่ได้เป็นแฟนพวกเขาถูก “เฮียนอส” อภิสิทธิ์ อภิสุขศิริ อีกหนึ่งนักข่าวรุ่นพี่ที่ไปด้วย ดึงเสื้อให้ผมต้องลุกขึ้นกระโดด
ภาพบรรยากาศที่แอนฟิลด์ วันปลดปล่อยดวงวิญญาณ เมื่อปีที่แล้ว
“บี เดี๋ยวมันรู้ว่า มะรึงไม่ใช่แฟนผี ลุกเร็ว เดี๋ยวตาย” ผมยังจำได้เฮียแกพูดกับประมาณนี้
พอผมลุกกระโดด แฟนผีคนข้าง ๆ หันมากอดผมกลมดิก ทุกอย่างแย่ทั้งหมด ยกเว้นอากาศที่มันหายหนาวไปเยอะ
ตอนนั้นผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันทำให้ผม”ชา”ไปทั้งตัว........
มาถึงไฟท์ที่ 2 เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ผมเป็นหนึ่งใน 5 ของดีเจ FM99 ที่ชนะเลิศการวิจารณ์บอลยูโร และได้ออนทัวร์เมืองผู้ดีกับ “ลิโพ” ไปดูเกมแดงเดือดที่แอนฟิลด์ (ซึ่งตอนนี้ ลิโพ จัดอีกแล้ว ใครมีฝาโหวตให้ บี แหลมสิงห์ ด้วย...แฮ่ม)
ความคลาสสิคนี้ไม่ธรรมดา เพราะนี่คือเกมประวัติศาสตร์ นักบอลทั้งสองทีมและแฟนบอลในสนาม ร่วมกันทำพิธีสำคัญกับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ฮิลล์สโบโร่
คดีแฟนบอลลิเวอร์พูล เสียชีวิตถึง 96 คนในการเข้าไปชมเกมที่สนามดังเมืองเชฟฟิลด์ เนื่องจากเข้าไปเกินอัตราจนเบียดเสียดจนกระทั่งบานปลายจนเป็นที่มาของเหตุการณ์ที่เศร้าที่สุดอีกครั้งในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1989 รอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ ก่อนจะคลี่คลายคดีในปี 2012 ก่อนเกมจะเริ่มเพียงไม่กี่วัน เมื่อรัฐบาลอังกฤษ ได้ออกมาขอโทษแฟนบอลลิเวอร์พูลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งโน้น
ภาพบรรยากาศที่แอนฟิลด์ วันปลดปล่อยดวงวิญญาณ เมื่อปีที่แล้ว
ผมพร้อมกับเดอะ ค็อป และเร้ด เดวิลล์ ร่วมกันส่งดวงวิญญาณแฟนฟุตบอล 96 คนสู่สวรรค์ กัปตันของทั้งสองทีมร่วมปล่อยลูกโป่งสีขาวบริสุทธิ์ 96 ลูกขึ้นสู่ท้องฟ้า
ขณะที่เกมสุดเข้มข้น “หงส์แดง” เดินหน้าบุกเต็มพิกัดเพื่อหาชัยชนะนัดแรกของซีซั่นให้ได้ แต่เหมือนทุกอย่างไม่เป็นใจเมื่อ จอนโจ เชลวี่ย์ เข้าเสียบกับ จอห์นนี่ อีแวนส์ ก่อนที่ มาร์ค ฮัลซี่ย์ ผู้ตัดสินจะไล่ เชลวี่ย์ ออกจากสนาม และเขาก็ห้าวเกินเด็ก เมื่อไปปะทะคารมกับ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ริมสนาม
ก่อนที่แอนฟิลด์แทบจะแตกเมื่อทีมเจ้าถิ่น 10 คนขึ้นนำได้สำเร็จจาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด เสียงกองเชียร์กว่า 4 หมื่นคนเฮกันกระหึ่ม แน่นอนว่า ผมกระโดดกอดกับ “แจ๊คเล็ก” สุวินัย อ่อนสะอาด แทบคลั่ง
หลังจากนั้นแทบคลั่งกว่าเมื่อ ยูไนเต็ด ได้ประตูตีเสมอ และมาได้จุดโทษปัญหา ทำให้ ลิเวอร์พูล ตามหลัง 1-2 ก่อนจะแพ้ด้วยสกอร์นั้น
บรรยากาศไม่ได้ต่างกัน แต่แฟนหงส์แดงด่าน้อยกว่าแฟนผีเยอะ เพียงแต่สิ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือ “ถ่มน้ำลาย”
แฟนบอลฝั่งที่ผมนั่งอยู่นั้น ไม่ค่อยฮาร์ดคอร์เท่าไหร่ แต่มีคุณอาว์อยู่ท่านนึง ที่คอยร้องเพลงป่วนทั้งกองเชียร์เจ้าบ้าน ประมาณเป็น”นักร้องนำ” และก็จะโห่ทุกครั้งที่กองเชียร์ผีร้องเพลง
ภาพบรรยากาศที่แอนฟิลด์ วันปลดปล่อยดวงวิญญาณ เมื่อปีที่แล้ว
คลาสสิคมาก ๆ ครับสำหรับแดงเดือด
บรรยากาศก่อเกิดจากกองเชียร์ ก่อเกิดจากนักบอล ก่อเกิดจากประวัติศาสตร์ของทั้งสองทีม จังหวะของเกมมันเร้าจนขนหัวลุก
บอกตามตรงว่า ชีวิตคนบ้าบอลคงไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้ ดูบอลที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด หนแรก และดูบอลที่แอนฟิลด์ หนแรก ก็เป็นเกม”แดงเดือด”ทั้งหมดเหมือนกัน
ผลของการแข่งขันไม่ใช่เรื่องคาใจ เพราะทั้งหมดคือความทรงจำ บรรยากาศและไฮไลท์ต่างหากที่ไม่มีวันลืมเลือน พร้อมกับเตือนความทรงจำ ว่าสักวันจะกลับไปให้ได้
นอกจากไปดูบอลให้สาแก่ใจ.......
จะไปยืนให้พี่เค้าถ่มน้ำลาย...ใส่อีกสักที!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี