วิ่ง 31 ขา เป็นกีฬาที่ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนักและต่อเนื่องเพราะการที่คน30 คนจะก้าวขาวิ่งไปพร้อมๆ กันเป็นระยะทางถึง 50 เมตรนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย หากมีสมาชิกคนใดคนหนึ่งของทีมล้มลง สมาชิกที่เหลือก็ไม่สามารถวิ่งต่อได้ ทุกคนต้องช่วยกันดึงคนที่ล้มให้ลุกขึ้นมาให้ได้ และวิ่งไปพร้อมๆ กัน จึงจะถึงเส้นชัย กีฬาชนิดนี้ไม่มีใครเก่งกว่าใคร มี 3 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ นักกีฬาต้องมีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว รู้จักการให้อภัย ช่วยให้คนที่ล้มต้องลุกมายืนพร้อมกันให้ได้ และที่สำคัญจะต้องมีผู้นำที่จะพาทีมฝ่าฟันไปให้ถึงเส้นชัย ” นอกจากนี้กีฬาชนิดนี้ยังจะช่วยปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีงาม การทำงานเป็นทีมเวิร์ค เป็นพื้นฐานในการทำงานและการใช้ชีวิต ช่วยให้เยาวชนไทยเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศต่อไป”
จุดเริ่มต้นของการแข่งขันกีฬา “วิ่ง 31 ขา” ครั้งแรกในเมืองไทย ต้องย้อนไปเมื่อปี 2548 หรือ 9 ปีที่ผ่านมา โดยครั้งนั้น “เอ.พี.ฮอนด้า” คือผู้จุดประกายกีฬาชนิดนี้ขึ้นในเมืองไทย ภายใต้การนำของชายที่ชื่อ “สุชาติ อรุณแสงโรจน์” หนุ่มนักบริหารที่พกความมั่นใจจากญี่ปุ่นมาพร้อมกับกีฬา“วิ่ง 31 ขา” โดย “วิ่ง 31 ขา” ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 2538 โดยสถานีโทรทัศน์อาซาฮี มีจุดประสงค์เพื่อท้าทายความสามารถและสร้างประสบการณ์แห่งความสามัคคีให้กับนักเรียนใน ร.ร.ประถมศึกษาจนได้รับความนิยมไปทั่วประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลกในเวลาต่อมา
และนั่นคือที่มาของการจัดการแข่งขัน “ฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี” ขึ้นในเมืองไทย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ “วิ่ง 31 ขา” ได้กลายเป็นกีฬายอดนิยมของเหล่าน้องๆ หนูๆ ตามโรงเรียนต่างๆ ในเมืองไทยไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทาง บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ได้ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยฯ และภาคเอกชน มุ่งสร้างพลังแห่งความสามัคคีระดับเยาวชน จัดการแข่งขันกีฬา “สพฐ. – ฮอนด้า วิ่ง 31 ขาสามัคคี ปี 9” ชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกของความสามัคคีในหมู่เยาวชนไทย เป็นพื้นฐานในการทำงานและการใช้ชีวิต เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศ
ผลการแข่งขันในปีนี้ปรากฏว่า โรงเรียนอนุบาลทุ่งฝน ทีมเอ จ.อุดรธานี (บริษัท รุ่งเรืองอินเตอร์ (2008) จำกัด) ในฐานะรองแชมป์ภาคอีสาน รวมพลังสุดยอด ทำเวลา 8.72 วินาที คว้าแชมป์ประเทศไทย พร้อมได้ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า วิ่ง 31 ขา เป็นกีฬาที่ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนักและต่อเนื่องเพราะการที่คน 30 คน จะก้าวขาวิ่งไปพร้อมกันเป็นระยะทางถึง 50 เมตรนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย หากมีสมาชิกคนใดคนหนึ่งของทีมล้มลง สมาชิกที่เหลือก็ไม่สามารถวิ่งต่อได้ ทุกคนต้องช่วยกันดึงคนที่ล้มให้ลุกขึ้นมาได้และวิ่งไปพร้อมๆ กัน กีฬาชนิดนี้ไม่มีใครเก่งกว่าใคร มี 3 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ นักกีฬาต้องมีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว รู้จักการให้อภัยซึ่งกันและกัน และที่สำคัญการสร้างภาวะผู้นำของกลุ่มในการเป็นศูนย์รวมความรัก ความสามัคคี และการมีวินัย นำไปสู่ชัยชนะ” นอกจากนี้กีฬาชนิดนี้ยังจะช่วยปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีงาม เป็นพื้นฐานในการทำงานและการใช้ชีวิต ช่วยให้เยาวชนไทยเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศต่อไป
นายสุชาติเผยอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทาง เอ.พี.ฮอนด้า มีความพอใจอย่างมากกับการจัดการแข่งขันวิ่ง 31 ขา ซึ่งจะเห็นได้จากมีกระแสตอบรับจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและเอกชนก็ได้เห็นคุณค่าและประโยชน์ที่เราตั้งใจจะมอบให้กับสังคม เราเห็นความสำคัญของสังคม ประชาชน และเยาวชนโดยใช้เรื่องกีฬาเข้ามาสนับสนุนให้เกิดความรักและความสามัคคี
“พวกเราดีใจมากที่การแข่งขัน ฮอนด้า วิ่ง 31 ขา ได้ย่างก้าวเติบใหญ่เข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว และผมมั่นใจว่ากิจกรรมนี้จะสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชนในการรู้รัก สามัคคี การมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รู้จักการทำงานเป็นทีมตั้งแต่เยาว์วัยซึ่งผมเองดีใจมากที่ เอ.พี.ฮอนด้า เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมส่งเสริมให้เยาวชนของเราให้ก้าวไปสู่จุดนั้นผ่านกีฬาที่เรียกว่า วิ่ง 31 ขานี่คือกีฬาที่เรียกว่า “กีฬาสร้างคน เยาวชนสร้างผู้นำ” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะถ้าตราบ
ใดที่คนไทยรู้จักความสามัคคี การให้อภัย การทำงานร่วมกันเป็นทีมเวิร์กได้ มีภาวะเป็นผู้นำ โดยต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อโตขึ้นก็จะสามารถนำชาติให้เจริญก้าวหน้าไปโดยไม่แพ้ชาติใดในโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี