แหล่งข่าวระดับจากกรมศุลกากร แจ้งว่า ตามที่กรมศุลกากร ได้ตรวจสอบการนำเข้าสินค้าประเภทเหล็กและเหล็กกล้า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ ชนิดม้วนและไม่ม้วนที่เพิ่มขึ้น พ.ศ.2556 หรือเซฟการ์ด และพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ.2552 โดยได้รับการประสานงานและหารือกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของกรมศุลกากรปรากฏแน่ชัดถึงพฤติกรรมของบริษัทผู้ค้าเหล็กที่มีเจตนาลักลอบหรือหลีกเลี่ยงการนำเข้าเหล็กอย่างผิดกฎหมาย โดยทางกรมศุลกากรได้ทำการตรวจสอบสินค้าของบริษัทนำเข้าเหล็กประเภทนี้ ณ ท่า หรือที่ที่นำเข้า พบว่ามีจำนวน 13 ราย ที่พยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษี รวมเป็นมูลค่ารวม 33 ล้านบาท จึงได้เรียกเก็บภาษีให้ครบตามจำนวนที่จะต้องจ่ายจนครบถ้วน
“เมื่อตรวจสอบย้อนหลังพบ 1 ใน 13 ราย มีเจตนาจงใจเลี่ยงภาษีอากรอย่างชัดเจน จึงถูกปรับเพิ่มอีก 2 เท่า ของจำนวนภาษีที่ต้องเสีย เช่น ภาษีที่ต้องเสียตามจริงมูลค่า 3 ล้านบาท แต่โดนเพิ่มโทษค่าปรับอีก 2 เท่า กลายเป็นว่าต้องจ่ายเพิ่มอีก 6 ล้านบาท รวมเป็น 9 ล้านบาท”
แหล่งข่าวระบุอีกว่า บริษัทรายดังกล่าวมีลักษณะจงใจหลีกเลี่ยง คือ ระบุชื่อบริษัทเป็นบริษัทที่ได้รับการยกเว้นเสียภาษี แต่เมื่อกรมศุลกากรมาตรวจสอบ พบว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้อยู่ในข่ายประเภทที่ได้รับการยกเว้น จึงได้เปรียบเทียบปรับตามอัตราโทษการกระทำความผิดของกรมศุลกากร ส่วนอีก 12 บริษัทที่เหลือนั้น ทางกรมศุลกากรอยู่ระหว่างการพิจาณาถึงระดับการกระทำผิดว่าเห็นควรถูกปรับหรือไม่ หรือปรับเป็นกี่เท่าของภาษีอากรที่จะต้องเสีย
นอกจากนี้ ทางกรมศุลกากร โดยสำนักสืบสวนและปราบปราม ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารบริษัทนำเข้าสินค้าลักษณะดังกล่าวเพิ่มเติมอีกจำนวน 10 ราย เนื่องจากบริษัทในจำนวนนี้เป็นกลุ่มที่สุ่มเสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงเสียภาษีอากร โดยได้พิจารณาจากประวัติการนำเข้าสินค้าดังกล่าวย้อนหลัง พบว่า เข้าข่ายการกระทำผิด ซึ่งในขณะนี้ได้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร เพื่อประเมินค่าภาษีของบริษัทนั้นที่จะต้องนำมาชำระ และบทลงโทษในส่วนของค่าปรับ
ด้านนายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เชิญกรมการค้าต่างประเทศ เข้ามาให้ข้อมูลถึงบริษัทผู้ค้าเหล็กนำเข้าว่ามีบริษัทใดบ้างที่สุ่มเสี่ยงการกระทำผิด ทางกรมจะได้จับกุม เพื่อให้บริษัทดังกล่าวนำมาชำระภาษีให้ครบถ้วน แต่ยังไม่ได้รับการชี้แจงใดๆจากทางกรมการค้าต่างประเทศ
สำหรับแนวทางป้องกันที่กรมสามารถกระทำการได้ในขณะนี้ โดยทางกรมได้สั่งให้เจ้าหน้าที่จับตาและเฝ้าระวังพิกัดนำเข้าสินค้าเหล็กชนิดดังกล่าว รวมถึงบริษัทสุ่มเสี่ยงกระทำความผิด ที่ได้มาจากการตรวจสอบประวัติย้อนหลัง หากตรวจสอบพบว่าบริษัทใดได้หลีกเลี่ยงที่จะเสียภาษี ก็จะเรียกให้จ่ายจนครบ จะได้ไม่เป็นการทำให้รัฐสูญเสียรายได้ หลังจากนั้นจะนำเอกสารของบริษัทนั้นมาตรวจสอบอีกครั้งว่ามีลักษณะจงใจหรือมีเจตนาเช่นไร จึงจะพิจารณาเปรียบเทียบปรับตามอัตราการกระทำผิดของกรมศุลกากรต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี