อธิบดีสรรพากรคนใหม่รับ‘จีดีพี’โตไม่เข้าเป้า รายได้ภาษีหาย9หมื่นล.

อธิบดีสรรพากรคนใหม่รับ‘จีดีพี’โตไม่เข้าเป้า รายได้ภาษีหาย9หมื่นล.

วันอังคาร ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557, 06.00 น.
Tag :

“ประสงค์” อธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ ยกเลิกแผนการเข้าไปตรวจสอบการเสียภาษีของคนรวย ที่ซื้อภาษีรถหรู คฤหาสน์ ชี้มูลค่าไม่มากเกินไป และเป็นนโยบายของอธิบดีคนเก่า ยอมรับจากสภาพเศรษฐกิจฉุดการจัดเก็บรายได้ของ สรรพากร 9 เดือนแรก ของปี’57 พบต่ำกว่าเป้าอยู่ 9 หมื่นล้านบาท จี้เจ้าหน้าที่กรมทั่วประเทศเร่งจัดเก็บ

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2557 ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกรมสรรพากรทั่วประเทศ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ โดยได้มอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่สรรพากรทั่วประเทศ ในการเก็บภาษีในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2557 ที่เหลืออีกกว่า 2 เดือน อย่างเต็มที่


ทั้งนี้เนื่องจากการจัดเก็บภาษีของ กรมสรรพากร 9 เดือนแรก ของปีงบประมาณ หรือ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2557 พบต่ำกว่าเป้าอยู่ 9 หมื่นล้านบาท (จากเป้าตั้งไว้ในปีงบประมาณ 2557 อยู่ที่ 1.89 ล้านล้านบาท) เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีต่ำกว่าที่ประมาณการไว้มาก เมื่อเทียบกับช่วงจัดทำประมาณการเก็บภาษีของกรมสรรพากรปีงบ 2557 อยู่บนสมมุติฐานเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 4.6% ต่อปี ดังนั้นการที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ไม่ถึง 4.6% ตามที่ได้ประเมินไว้แต่แรก ส่งผลให้การเก็บภาษีของกรมสรรพากรทั้งปีไม่ได้ตามเป้า แต่การเก็บภาษีอย่างเต็มที่ในช่วงที่เหลืออีก 2 เดือนครึ่ง เชื่อว่าจะทำให้การเก็บภาษีของกรมสรรพากรทั้งปีต่ำกว่าเป้าไม่ถึง 9 หมื่นล้านบาท ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดีขณะนี้มีการประเมินกันว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ไม่ถึงจากที่ได้ประเมินไว้ และเมื่อมี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า 2% ต่อปี

ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดย กรมสรรพากร จะประสานกับกรมศุลกากรในการเข้มงวดเก็บภาษีให้กรมสรรพากร เนื่องจากกรมศุลกากรเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้านำเข้าให้กรมศุลกากรจำนวนมาก หากมีการประเมินราคานำเข้าสินค้าดีก็จะทำให้การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นายประสงค์กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ กรม ได้พิจารณายกเลิกมาตรการที่ กรมสรรพากรจะตรวจสอบ และเก็บภาษีจากคนที่ซื้อรถคันละ 3 ล้านบาท และซื้อบ้านหลังละ 40 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าการซื้อรถ และบ้านในราคาดังกล่าวคนที่มีเงินเดือนพอสมควร ก็สามารถซื้อได้อยู่แล้ว ราคาไม่ได้มีมูลค่ามากจนเกินไป และไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปตรวจว่าบุคคลดังกล่าวมีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่

“ผมมอบนโยบายให้ผู้บริหารกรมสรรพากรทั่วประเทศแล้ว ว่า กรมสรรพากรไม่มีมาตรการไปไล่ตรวจเก็บภาษีจากคนซื้อรถ และบ้าน นโยบายดังกล่าวเป็นของอธิบดีสรรพากรคนเก่า ไม่ใช่ของอธิบดีคนใหม่” นายประสงค์ กล่าว

พร้อมย้ำว่าการเก็บภาษีหลังจากนี้จะดำเนินการจริง ไม่ใช่เก็บภาษีจากการขอภาษีเพิ่มจากผู้ประกอบการ แต่ต้องเข้มงวดจากผู้เสียภาษีไม่ครบต้องทำให้เสียภาษีให้ครบ

มีรายงานข่าวจาก กระทรวงการคลัง รายงานผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 8 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2557 (ต.ค.2556-พ.ค.2557)พบว่า รายได้สุทธิของรัฐบาลอยู่ที่ 1,360,034 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการไป 93,286 ล้านบาท หรือ 6.4% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 5.3% โดยเฉพาะการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมจัดเก็บภาษี (กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร) ต่ำกว่าประมาณการถึง 142,666 ล้านบาท หรือ 9.2%

ก่อนหน้านี้ นายสุทธิชัย สังขมณี อดีตอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรได้ขอความร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก ขอรายชื่อผู้ที่ครอบครองรถยนต์ มูลค่าเกินกว่า 3 ล้านบาท ประมาณ 10,000 ราย โดยได้ส่งจดหมายไปถึงผู้ครอบครองรถยนต์เหล่านี้ ทั้งในส่วนที่เป็นบุคคล และบริษัทนิติบุคคล โดยในจดหมายจะเป็นแบบฟอร์มให้ผู้ครอบครองรถยนต์กรอกข้อมูล เช่น ยี่ห้อรถยนต์ รุ่น ขนาดของเครื่องยนต์ แหล่งที่ซื้อ และราคาของรถยนต์ แล้วให้ส่งกลับมายังสรรพากร ว่ามีการจ่ายภาษีสมเหตุสมผลกับการครองครองรถยนต์หรูหรือไม่ นอกจากนี้ อดีตกรมสรรพากร เคยคิดตรวจสอบผู้ที่ครองบ้านราคาแพงเกินกว่า 40 ล้านบาท โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในสนามกอล์ฟ ว่าผู้ครอบครองบ้านดังกล่าว มีรายได้สมเหตุสมผลกับการครอบครองบ้านหรือไม่ด้วย

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top