“คลัง”ยอมรับคดีโกงVATกว่า 4,100 ล้านบาท ยังไม่สามารถตามเงินภาษีดังกล่าวกลับคืนมาได้แม้แต่บาทเดียว ขณะที่ คสช.เห็นช่องโหว่ เห็นชอบในหลักการแล้วให้อำนาจสรรพากรอายัด-สอบสวนธุรกรรมทางการเงินโกงภาษี เชื่อผ่านการพิจารณาจากสนช.แน่ เผยขั้นตอนปัจจุบันให้อำนวจสอบสวนกับ ตำรวจส่งเรื่องขออำนาจศาล หรืออำนาจของ ปปง.อายัดทรัพย์สิน พบล่าช้า เปิดช่องทางให้ถ่ายเททรัพย์สินได้
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เห็นชอบในหลักการที่จะเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ของ กรมสรรพากรมีอำนาจระงับธุรกรรมทางการเงินของขบวนการโกงภาษีทั้งธุรกรรมของตัวการ และผู้ร่วมขบวนการ พร้อมทั้งให้อำนาจ กรมสรรพากร เป็นพนักงานสอบสวนกรณีโกงภาษีได้ ซึ่งจะทำให้การติดตามเงินภาษีที่หายไปจากการทุจริต การโกง ได้อย่างทันท่วงที จากเดิมที่อำนาจในการสอบสวนเป็นของตำรวจ หลังจากนั้นต้องส่งเรื่องฟ้องศาลฯ ขออำนาจศาล หรือขออำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ในการอายัดทรัพย์สิน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวต้องใช้เวลาทำให้ไม่สามารถอายัดธุรกรรมทางการเงินได้ทันที ส่งผลให้ที่ผ่านมากลุ่มที่กระทำผิดจะโยกย้ายถ่ายเทเงินทองและทรัพย์สินไปก่อนถูกอายัดแล้ว
“ก่อนหน้านี้มีกรณีการโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) เพื่อการส่งออกกว่า 4,100 ล้านบาท ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถตามเงินภาษีดังกล่าวกลับคืนมาได้แม้แต่บาทเดียว เพราะกลุ่มที่กระทำผิดรู้ตัว หลบหนี และถ่ายเททรัพย์สินไปจนเกือบหมดแล้ว หากต่อไปกรมสรรพากรมีอำนาจในการสอบสวนและอายัดบัญชีได้ น่าจะช่วยปิดช่องโหว่จะตามเงินภาษีที่ถูกโกงไปกลับมาได้เร็วขึ้น ทำให้รัฐเสียหายน้อยลง โดยเกิดกรณีนี้มาหลายเคสแต่การตามเงินภาษีคืนนั้นยากมาก” นายประสงค์ กล่าว
ทั้งนี้ฝ่ายกฎหมายของกรมสรรพากร กำลังพิจารณาเพื่อจัดทำร่างกฎหมายเสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คาดว่าเรื่องนี้จะได้รับการพิจารณา และนำมาออกมาใช้ได้ในเร็วๆ นี้ เพราะที่ผ่านมา คสช.ได้เห็นชอบในหลักการเบื้องต้นแล้ว
นายประสงค์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กรมสรรพากร เตรียมเสนอ สนช.ให้มีการแก้ไขกฎหมายกรณีการจัดเก็บภาษีของคณะบุคคล เพื่อปิดช่องว่างของกลุ่มที่มีอาชีพพิเศษ อาทิ หมอ วิศวะ ดารา นักร้องฯลฯ ที่ตั้งคณะบุคคลขึ้นมาเพื่อหลบเลี่ยงภาษี โดยก่อนหน้านี้กรมได้ปรับลดภาษีเงินได้บุคคลจากสูงสุด 37% เหลือ 35% และซอยขั้นของภาษีให้ถี่ขึ้น ดังนั้นกลุ่มคณะบุคคลควรต้องนำรายได้มาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในช่องทางปกติ แม้จะลงรายได้เป็นคณะบุคคล แต่การเสียภาษีต้องแยกรายได้มาเสียภาษีเป็นรายบุคคลแทน เท่ากับว่าต่อไปการคำนวณภาษีแบบคณะบุคคลก็จะไม่มีแล้ว
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมา มีการหลีกเลี่ยงภาษี โดยการจัดตั้งคณะบุคคลเป็นเท็จ สร้างรายจ่ายเท็จ ทำให้เสียภาษีน้อยลงหรือไม่ต้องเสียภาษี หรือมีการขอคืนภาษี ทั้งนี้วิธีการจัดตั้งคณะบุคคลเป็นเท็จขึ้นมาหลายๆ คณะ โดยแต่ละคณะบุคคลจะมีชื่อของผู้มีเงินได้อยู่ในทุกคณะบุคคล เพื่อเป็นการกระจายฐานเงินได้ของผู้มีเงินได้ที่แท้จริง ทำให้เสียภาษีในอัตราต่ำ นอกจากนี้คณะบุคคลยังมีการขอคืนภาษี โดยอ้างว่าถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย นำส่งกรมสรรพากรไว้
สำหรับ คณะบุคคล คือบุคคลตั้งแต่สองคน ไม่เกินสามคน (ที่ไม่ใช่ สามี ภรรยา ซึ่งจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย) ร่วมธุรกิจกัน ประกอบกิจการ การค้า โดยต้อง ทำสัญญาตกลงจัดตั้งคณะบุคคล โดยระบุวัตถุประสงค์ที่ต้องการจัดตั้งและต้องมอบหมายให้ บุคคลใด บุคคลหนึ่ง เป็นผู้ดำเนินการของคณะบุคคลนี้ โดยยื่นต่อกรมสรรพากร เพื่อขอ หมายเลข ประจำตัวผู้เสียภาษี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี