เล็งงัดมาตรการเสริมทั้งการเงิน-คลังดัน “จีดีพี”  สศค.ดันแพ็คเกจกระตุ้นศก.

เล็งงัดมาตรการเสริมทั้งการเงิน-คลังดัน “จีดีพี” สศค.ดันแพ็คเกจกระตุ้นศก.

วันพุธ ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557, 06.00 น.
Tag :

ปลัดคลังสั่งสศค.ทำแพ็คเกจดันเศรษฐกิจปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 2% แนะ ครม. ขึ้นเงินเดือนข้าราชการตุลาฯนี้ หวังใช้เม็ดเงินกระตุ้นการจับจ่าย ประจิน มั่นใจไตรมาส 4  จีดีพีโตต่อเนื่องด้าน คสช.เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบแล้ว ขณะที่ ธกส. รับลูกอัดหมื่นล้านประเดิม

                นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ทำแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี เสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือ คณะรัฐมนตรี(ครม.)ใหม่พิจารณาเห็นชอบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2% ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้ ถึงแม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้อยู่ที่ 1.5- 2%  ก็ตาม


                "คลังเชื่อว่าหากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่ม เติมในช่วงที่เหลือของปี เศรษฐกิจจะโตได้ 2% แต่หากไม่มีเศรษฐกิจก็อาจจะขยายตัวได้ไม่ถึง 2% ต่อปี"

                      นายรังสรรค์  กล่าวอีกว่า  เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2556 ที่ประชุม คสช. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการ และยั่งยืนตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่สาเหตุของปัญหาทั้งในด้านสินเชื่อ และศักยภาพการหารายได้  โดยจะให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบผ่านองค์กรการเงินชุมชนที่เข้มแข็งและมีศักยภาพควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือธนาคารของรัฐ พร้อมทั้งสร้างกลไกในการเจรจาประนอมหนี้ระหว่างลูกหนี้ และเจ้าหนี้ ซึ่งรวมถึงการสร้างกลไกในการพัฒนาและฟื้นฟูเพื่อให้ลูกหนี้มีศักยภาพในการหารายได้และป้องกันไม่ให้กลับไปเป็นหนี้นอกระบบอีก

                นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า โจทย์ใหญ่ของแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจคือทำอย่างไรไม่ให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัว ได้น้อยกว่า 2% ซึ่งจะมีทั้งมาตรการทางการเงินและการคลัง แต่เป็นมาตรการคนละส่วนที่ไม่ซ้ำกับโร้ดแมปทางเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้คสช. เห็นชอบไปก่อนหน้านี้

                แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ สศค.จะเสนอนั้น จะเน้นให้เกิดการจ้างงานและรายได้ในพื้นที่ทั่วประเทศให้มากที่สุด  นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเสนอให้มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 8% เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังติดปัญหาว่า คสช. ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะให้ขึ้นเงินเดือนข้าราชการเมื่อไร หากให้ขึ้นเดือน ต.ค. นี้ ก็จะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะจากการประเมินคาดว่าการขึ้นเงินเดือน 8% จะต้องใช้เงินงบประมาณเพิ่ม 4 หมื่นกว่าล้านบาทต่อปี หากขึ้นเงิน ต.ค. นี้ จะทำให้มีเงินเข้ามาในระบบไตรมาสสุดท้ายของปีเพิ่มขึ้นอีก 1 หมื่นกว่าล้านบาท ทำให้การใช้จ่ายกระตุ้นทางเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตามหากมีการตัดสินใจให้ขึ้นเงินเดือน เม.ย. 2558 ก็ไม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ได้

                   พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า  แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2557 เชื่อว่าจะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด หลังจากช่วง 6 เดือนแรก เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยคาดว่าในช่วง 3

 เดือนสุดท้ายเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และมีการอนุมัติโครงการผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

           ด้าน   นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ธ.ก.ส.มีมติเห็นชอบโครงการแก้ไขหนี้นอกระบบของเกษตรกรและบุคคลในครัวเรือน วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระหนี้ของประชาชนที่เกิดจากเหตุสุจริตจำเป็นและเป็นภาระหนัก โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2557 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2558

 ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ได้กำหนดวงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปี

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top