ตลาด‘หอมมะลิ’แข่งเดือดหลังAEC
นักวิชาการแนะไทยรับมือ
ยกระดับข้าวสู้เพื่อนบ้าน
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการ ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แสดงความเป็นห่วงว่า หลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) แล้ว ข้าวหอมมะลิของไทยอาจได้รับผลกระทบจากข้าวหอมของเพื่อนบ้าน ทั้งข้าวหอมพันธุ์เพิร์ล ปอว์ ซาน ของเมียนมา, ข้าวดอกมะลิ หรือผกามะลิ ของกัมพูชา และ ข้าวหอมเวียดนาม ที่เตรียมเข้ามาทำตลาด หรือวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าแย่งส่วนแบ่งตลาดไทยในอนาคต อีกทั้งข้าวของประเทศเพื่อนบ้านยังมีราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิไทย และคุณภาพเริ่มใกล้เคียงกับของไทย อีกทั้งเมียนมา และกัมพูชา จะมีการโปรโมทข้าว โดยใช้ดีกรีแชมป์ข้าวที่อร่อยที่สุดในโลก ซึ่งเทียบเท่ากับข้าวหอมมะลิไทยที่เคยได้รับรางวัลในอดีต มาเป็นจุดขายดึงดูดผู้บริโภค ขณะที่ข้าวหอมของเวียดนามก็อยู่ระหว่างการพัฒนาความหอมให้ใกล้เคียงกับข้าวหอมมะลิไทย
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในระยะสั้นข้าวหอมมะลิไทยจะไม่ได้รับผลกระทบในด้านตลาดมากนัก แต่ทั้งนี้หากไทยยังไม่มีการปรับโครงสร้างผลิตข้าวหอมเชื่อว่าในอนาคตคงถูกข้าวเพื่อนบ้านแย่งตลาดทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศได้ ดังนั้นเพื่อให้ในอนาคตข้าวหอมมะลิไทยยังแข่งขันได้ภาครัฐต้องหามาตรการในการปรับโครงสร้างข้าวหอมมะลิไทยใหม่เพื่อหนีตลาดข้าวหอมจากประเทศเพื่อนบ้าน
“ในอนาคตประเทศเพื่อนบ้านจะหันมาพัฒนาหรือส่งเสริมข้าวหอมมากขึ้นเพื่อให้ข้าวมีมูลค่าสูง และตรงความต้องการของผู้บริโภคในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีกำลังซื้อ และที่สำคัญประเทศเพื่อนบ้านสามารถพัฒนาคุณภาพใกล้เคียงกับข้าวหอมมะลิไทยแต่มีราคาที่ต่ำกว่ามาก แม้ตอนนี้บรรจุภัณฑ์ของข้าวหอมประเทศเพื่อนบ้านยังไม่สวยงาม แต่หากมีทุนต่างชาติเข้ามาร่วมทุน ก็อาจมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และทุ่มงบ ทำการตลาดมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบให้ข้าวหอมมะลิไทยถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดในอนาคต”นายอัทธ์ กล่าว
ขณะเดียวกันยังพบว่าประเทศเพื่อนบ้าน มีแผนที่จะรุกตลาดข้าวหอมในต่างประเทศของไทยด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตลาดข้าวในอาเซียน ทั้งตลาดมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ก็ถูกข้าวจากเวียดนามแย่งตลาดเกือบหมดแล้ว และกำลังจะขยายไปในตลาดยุโรป สหรัฐ จีน ฮ่องกง เนื่องจากผู้บริโภคต่างชาติจำนวนมากไม่มีความเชี่ยวชาญในการแยกรสชาติมากเหมือนกับผู้บริโภคคนไทย จึงหันไปบริโภคข้าวที่มีราคาถูกเพราะมีคุณภาพไม่ต่างมากนัก
สำหรับแนวทางในการพัฒนาข้าวหอมมะลิไทย เพื่อหนีตลาดข้าวหอมของประเทศเพื่อนบ้านไปอีกตลาดหนึ่ง ประเทศไทยอาจต้องมีการปลูกข้าวให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น ภาคเหนือ อาจเน้นปลูกข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ และข้าวเจ้า, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เน้นปลูกข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ เป็นต้น อีกทั้งอาจมีการพัฒนาข้าวในแต่ละพื้นที่ให้เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(จีไอ) เหมือนกับข้าวสังข์หยดพัทลุง และให้มีการโปรโมทเพื่อรุกตลาดในยุโรปมากขึ้น ขณะเดียวกันอาจต้องมีการส่งเสริมการปลูกข้าวหอมมะลิออร์แกนิค ที่ปลอดจากสารเคมี และข้าวเพื่อสุขภาพด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี