นายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด ในเครือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(เอไอเอส) เปิดเผยว่า จากกระแสหรือเทรนด์ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) ประกอบกับการขยายตัวของเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งด้านเครือข่าย และอุปกรณ์พกพา อย่างสมาร์ทโฟน ที่มีศักยภาพสูงขึ้น ทำให้คนเข้าถึงอินเตอร์เนตได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เทรนด์ของการช็อปปิ้งออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนทุกคนสามารถโพสต์ขายสินค้าบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ (โซเชียลมีเดีย) ของตัวเองได้

ทั้งนี้เอ็มเปย์ ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล มันนี่ หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ของไทย จึงเปิดการให้บริการ “เอ็มเปย์ เกตเวย์” ซึ่งเป็นระบบรับชำระเงินครบวงจรทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และผ่านบัญชีธนาคารหรือไม่ผ่านบัญชีธนาคาร โดยที่ผู้ขายไม่ต้องไปเชื่อมต่อกับทุกธนาคารเอง เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะมีหน้าร้านอยู่บนออนไลน์ หรือตามตลาดนัดทั่วไป อีกทั้งบริการดังกล่าวยังมีธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต และบัตรเดบิต เป็นผู้ดูแล จึงมั่นใจได้ในมาตรฐานความปลอดภัย

“บริการเอ็มเปย์ เกตเวย์ มีจุดเด่นที่ช่องทางรับชำระเงินที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศ ประกอบด้วย บัตรเดบิตวีซ่ามาสเตอร์การ์ด เจซีบี เอ็มเปย์วอลเลทที่มีลูกค้ากว่า 1.5 ล้านราย การรองรับบัญชีธนาคารมากถึง 9 ธนาคาร ซึ่งมีตู้ ATMมากกว่า 50,000 จุดทั่วประเทศ จุดชำระเงินเอ็มเปย์ ที่เอไอเอส ช้อป เทเลวิซ แฟมิลี่มาร์ทท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต บิ๊กซี และร้านที่มีสัญลักษณ์ เอ็มเปย์สเตชั่น รวมกว่า 9,000 จุดทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ร้านค้าสามารถรับเงินเร็วกว่า ภายใน 1 วันทำการ โดยไม่มียอดขั้นต่ำในการรับเงิน ต่างจากบริการเดียวกันในช่องทางอื่นที่อาจใช้เวลา1-2 สัปดาห์” นายสุปรีชา กล่าว

โดยช่วงแรกคาดว่าจะมีผู้ประกอบการสนใจสมัครใช้บริการประมาณ 100,000 รายขณะที่ยอดเงินหมุนเวียนที่คาดว่าจะผ่านเข้ามาในระบบนั้น อาจต้องรอประเมินหลังเปิดให้บริการในช่วง 2-3 เดือนแรกก่อน โดยเอไอเอสคาดว่า บริการเอ็มเปย์ เกตเวย์ จะช่วยเพิ่มลูกค้าเอ็มเปย์วอลเลทจากเติบโตเฉลี่ยปีละ 20%เป็น 25-30% ปัจจุบันเอ็มเปย์วอลเลทมีลูกค้าประมาณ 1.5 ล้านราย มียอดใช้จ่ายผ่านระบบปีละ 200-300 ล้านบาท