นายสิโรจ ประเสริฐผล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า นายเกรก ฟาววิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) จะเข้าพบ นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เพื่อสอบถามเหตุผลนโยบายยุติเหมืองทองคำ

ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2559 ให้มีการยุติกิจการเหมืองทองคำในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2559 ในส่วนของ อัคราฯ ทาง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.)ต่อใบอนุญาตกิจการโลหะกรรม ให้เพียง 7 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. -31 ธ.ค.2559 ทำให้ อัคราฯต้องปิดเหมืองทองคำทั้งหมดภายในสิ้นปี้

“เชื่อว่านางอรรชกาจะไม่เลื่อน หลังจากก่อนหน้านี้ปฏิเสธการให้เข้าพบ โดยการเข้าพบครั้งนี้หากไม่ได้รับการชี้แจง และได้ข้อมูลที่ยืนยันว่าการดำเนินการของบริษัท อัครา มีความผิดเพราะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของประชาชน ก็จะรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการฟ้องร้องภายในปีนี้ เพราะจากการหารือข้อกฎหมายพบว่าบริษัทมีความได้เปรียบ เพราะรัฐบาลยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นคำตอบสุดท้ายว่าบริษัท มีความผิด ตรงกันข้ามกระทรวงอุตสาหกรรมเองกลับเคยออกเอกสารที่พิสูจน์แล้วว่าบริษัทไม่ได้ดำเนินการที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด”

นอกจากมองว่าไม่เป็นธรรมกับบริษัทแล้วยังส่งผลให้คนกว่า 1,000 คนต้องตกงาน แต่ทางบริษัทยืนยันที่จะดูแลพนักงานตามกฎหมายแรงงานกำหนดไว้ พร้อมทำแผนฟื้นฟูเหมืองเพื่อดำเนินการภายในสิ้นปี เพราะถึงแม้จะต้องดำเนินการเพื่อความเป็นธรรมแต่ก็ต้องทำแผนรับมือในกรณีที่ต้องปิดเหมืองภายในสิ้นปีนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม การ
ฟ้องร้องทางกฎหมายคงเป็นกระบวนการขั้นสุดท้าย

ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทต่ออายุประทานบัตรครั้งละ 5 ปี แต่มาครั้งนี้ให้เพียง 7 เดือน แต่ถูกสั่งปิดเหมืองเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด และไม่สามารถปรับแผนรองรับได้ภายใน 7 เดือนที่เหลืออยู่ เพราะตามเกณฑ์การอนุญาตของกพร.จะอยู่ที่ 5 ปีอยู่แล้ว ประกอบกับประทานบัตรของบริษัทที่มีอยู่ก็สามารถดำเนินการได้ถึงปี 2571 บริษัทจึงควรได้รับสิทธิในการขุดเหมืองต่อไป อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างรอหนังสือชี้แจ้งอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการ   

“ตั้งแต่รัฐมีนโยบายปิดเหมืองสิ้นปี จนถึงปัจจุบันบริษัทได้รับเอกสารชี้แจงเพียง 1 แผ่นเนื้อหาระบุว่า บริษัทดำเนินการทุกอย่างถูกต้องแต่ต้องปิดตามมติคณะรัฐมนตรี ยังไม่มีเอกสารใดที่ระบุว่ามีความผิดและให้ดำเนินการถึงสิ้นปี และล่าสุดคณะรัฐมนตรียังมีมติยกเลิกมติเดิม แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลทราบดีว่ายังดำเนินการไม่ครบถ้วน”