นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เปิดเผยว่า
ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างตัดสินใจเรื่องรูปแบบการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนรอบพื้นที่โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนมกราคม 2560 จากนั้นกระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จะเป็นผู้ดำเนินการ ส่วน กฟผ.จะไม่มีส่วนร่วมในการสำรวจความคิดเห็นครั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สาธารณชน
“การตัดสินใจว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ ต้องคำนึงถึงสิทธิชุมชนเป็นสำคัญ เพราะเป็นผู้ที่จะได้รับประโยชน์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นโดยตรง ไม่ควรให้คนนอกพื้นที่มาละเมิดสิทธิโดยเป็นผู้กำหนดว่าจะสร้างหรือไม่สร้างแทนคนในชุมชน ที่ผ่านมา กฟผ.ได้ชี้แจง พร้อมอธิบายถึงความจำเป็น ข้อดีข้อเสีย และผลประโยชน์ที่เกิดกับชุมชน ในขณะที่ NGO ฝ่ายค้านก็สามารถแสดงความห่วงใย ข้อกังวล และให้ข้อมูลที่เชื่อว่าชุมชนจะได้รับผลกระทบ”นายบุญญนิตย์ กล่าว
อย่างไรก็ตามสุดท้ายคนตัดสินคือ เสียงส่วนใหญ่ของชุมชน ดังนั้นจึงอยากให้ชุมชนได้ร่วมกันแสดงออก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยให้ชัดเจน ด้วยวิธีการใดก็ตาม เช่น ลงชื่อสนับสนุนหรือคัดค้าน หรืออาจใช้วิธีติดป้ายสนับสนุนหรือคัดค้าน ขอให้ชุมชนออกมาปกป้องสิทธิของคนในชุมชน ไม่ให้คนนอกพื้นที่มาเป็นผู้กำหนดความต้องการแทนชุมชน
ทั้งนี้หากเปลี่ยนไปสร้างโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องด้วยเชื้อเพลิงชนิดอื่น โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ แอลเอ็นจี จะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 4 บาทต่อหน่วย และไทยจะขาดความมั่นคงด้านพลังงาน เพราะพึ่งพาก๊าซธรรมชาติมากเกินไป ไม่สามารถลดสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติได้ตามที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ
พีดีพี 2015
ส่วนกรณีที่จะเปลี่ยนไปสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่อื่น เช่น สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต หรือสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง มองว่าหากก่อสร้างในกระบี่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ กฟผ.มีพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่แล้ว จะมีความคุ้มค่ามากกว่า เนื่องจากการลงทุนเทคโนโลยีด้านไฟฟ้าใช้งบประมาณค่อนข้างสูง
นายวิวัฒน์ ชาญเชิงพาณิชย์ รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. กล่าวว่า โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ที่ล่าช้าออกไป ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้น กฟผ.จึงต้องเจรจากับผู้เสนอราคาการประมูลต่ำสุด เพื่อให้ยืนต้นทุนเดิม คือ ค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้า 32,000 ล้านบาท และท่าเรือ 10,000 ล้านบาท โดยจะมีการเจรจาทุก 2-3 เดือน ขณะนี้มีการยืนราคาเดิมเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว แต่สุดท้ายหากเอกชนไม่สามารถรับต้นทุนได้คงต้องยกเลิกผลการประมูล และ กฟผ.ต้องจัดประมูลใหม่อีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี