นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานเปิดงานสัมมนาโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ในหัวข้อ “EEC ไม่มีไม่ได้” ว่าถึงแม้รัฐบาลจะเหลือระยะเวลาในการทำงานเพียง 1 ปี แต่โครงการอีอีซีจำเป็นต้องเกิดขึ้นขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำให้ได้ ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) สัญจรที่จังหวัดตราด ระหว่างวันที่ 5-6 กุมภาพันธนี้ จะมีการพิจารณาวาระสำคัญเกี่ยวกับอีอีซีหลายโครงการโดยเฉพาะการเพิ่มบทบาทพื้นที่อีอีซีให้เกิดการลงทุนในภาคการเกษตรควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมต่างๆเชื่อว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) จะพิจารณาพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แล้วเสร็จภายในไม่กี่วันนี้
“เมื่อพ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ เชื่อว่านักลงทุนจะมีความมั่นใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น คาดปีนี้จะมีนักลงทุนยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนมากกว่าปีที่ผ่านมา แม้การเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปเป็นปี 2562 แต่ก็ยังไม่มีนักลงทุนแสดงความกังวลหรือสอบถามเข้ามา เพราะต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่แล้วที่ทำให้บ้านเมืองสงบ และเศรษฐกิจดีทำให้มองเห็นอนาคตของธุรกิจ ยิ่งหากทุกคนช่วยกันคนละไม้ คนละมือในที่สุดผมเชื่อว่าการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้แน่นอน ที่สำคัญเมื่อทุกอย่างดีแบบนี้รับรองหุ้นขึ้นแน่นอน” นายสมคิด กล่าว
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงมีมาตรการเพิ่มผลิตภาพและลดต้นทุนผู้ประกอบการขนาดกลาง
และขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 30 มกราคมนี้โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายมีเอสเอ็มอีเข้าโครงการลดต้นทุน 10,000 ราย ซึ่งเฉลี่ยต้องสามารถลดต้นทุนได้ 10% ปี 2563 เพิ่มเป็น 50,000 ราย และเพิ่มเป็น 2.5 แสนราย ภายใน 7-8 ปี
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) กล่าวว่า ในการประชุม กนศ. ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ เตรียมพิจารณาแผนปฏิบัติการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่อีอีซี ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวอีก 1 เท่าตัว ภายใน 6 ปี จากปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวไทย 10 ล้านคน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นปีละ 8.1% และตั้งเป้าเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า ภายใน 8 ปี รวมทั้งมีแนวคิดร่วมมือกับบริษัทขนาดใหญ่ของไทยที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น ปิโตรเคมี หุ่นยนต์ เป็นตัวแทนในการเจรจากับบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้ามีนักลงทุนยื่นคำขอส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีเพิ่มเป็น 2.5 แสนล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 2 แสนล้านบาท
นางสาวจรีพร จารุสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทมีพื้นที่อยู่ในอีอีซีเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจลงทุนในพื้นที่อีอีซี และสอบถามความคืบหน้าการพิจารณาพ.ร.บ.อีอีซี เข้ามาจำนวนมาก เบื้องต้นได้ชี้แจงให้นักลงทุนมั่นใจว่าพ.ร.บ.ดังกล่าวคาดจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2561 แม้อาจล่าช้าออกไปอีก 2-3 เดือนก็ไม่มีผลกระทบต่อการลงทุน แต่ก็ควรเร่งรัดให้มีผลบังคับใช้ก่อนจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
ในส่วนของบริษัทปีนี้คาดยอดขายที่ดินจะเป็นไปตามเป้าหมาย 1,250 ไร่ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวได้ดีตามเศรษฐกิจโลก รวมถึงการลงทุนภาครัฐโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซี ซึ่งที่ผ่านมามีนักลงทุนจากประเทศจีนมีความสนใจติดต่อขอซื้อนิคมอุตสาหกรรม แต่ทางบริษัทยังไม่มีนโยบายขายทั้งนิคม จึงอยู่ระหว่างเจรจาต่อไป โดยเร็วๆ นี้บริษัทจะมีการเซ็นสัญญากับบริษัท จินป่าว พรีซิชั่น อินดีสทรี่ ด้วยโดยเป็นการขยายลงทุนบนพื้นที่ 54 ไร่ เพื่อดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมการบินหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ให้การสนับสนุนสิทธิประโยชน์การลงทุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี