นายพิศิษฐ์ เสรีวัฒนา กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่าปีนี้ธนาคาร ตั้งเป้าสินเชื่อโต 9% สินเชื่อคงค้างรวมเป็น 100,000 ล้านบาท จาก 91,886 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8,114 ล้านบาท สินเชื่อใหม่47,000 ล้านบาท กำไรสุทธิโต 4-5% โดยตั้งเป้านำผู้ประกอบการไทยรุกขยายการค้าการลงทุนในตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ต่อเนื่องจากปี 2558 โดยเฉพาะโครงการด้านพลังงานสาธารณูปโภค การบริการและการก่อสร้าง โดยมียอดสินเชื่อคงค้างโครงการลงทุนใน CLMV ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 27,895 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 30% ของพอร์ตสินเชื่อรวม และมีแผนจะเปิดสำนักงานตัวแทนใน สปป.ลาว และกัมพูชา พร้อมสนับสนุนการค้า การลงทุน การส่งออกไปยังตลาดใหม่ เช่น เอเชียใต้ และอินเดีย หลังจากตลาดหลักเริ่มชะลอตัว
นอกจากนี้ยังเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอี โดยพัฒนาบริการใหม่ สินเชื่อส่งออกสุขใจ เป็นบริการสินเชื่อหมุนเวียน พร้อมวงเงินสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า วงเงินสูงสุด 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 4.50% ต่อปี ในปีแรกสำหรับนิติบุคคลบัญชีเดียวตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนดอกเบี้ยปีที่ 2 ดอกเบี้ย Prime Rate-1% ซึ่งดอกเบี้ย Prime Rate อยู่ที่ 6.25% อนุมัติภายใน 7 วัน ไม่ต้องมีหลักประกันใช้เพียงบุคคลค้ำประกันเท่านั้น ระยะเวลาการกู้ 3 ปี เพื่อช่วยผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ที่ไม่มีหลักประกันสามารถเริ่มต้นส่งออกได้ โดยมีเป้าหมายอนุมัติวงเงินแก่ผู้ส่งออกเอสเอ็มอีรายใหม่ 750 รายในปีนี้ พร้อมดูแลสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 3.57%
ขณะที่ยอดรับประกันการส่งออกและความเสี่ยงลงทุนปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 85,000 ล้านบาท จาก 65,903 ล้านบาท หรือเติบโต 30% เนื่องจากผู้ประกอบการไทยนิยมประกันการส่งออก เพราะเกรงกระแสเงินสดสะดุด และการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองในประเทศที่ไปลงทุน
“ขอเตือนผู้ประกอบการอย่าเก็งกำไรค่าเงินบาท เพราะเสี่ยงที่จะขาดทุน และอาจกระทบกระแสเงินสดสะดุดได้ เนื่องจากค่าเงินบาทมีความผันผวนต่อเนื่องตามกระแสการไหลเข้า-ออกของเงินทุนเคลื่อนย้าย ดังนั้นเอสเอ็มอีเมื่อขายสินค้าไปแล้ว ควรทำสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าเพื่อให้ได้รายรับที่แน่นอน”
สำหรับปี 2560 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ดำเนินงานตามแผนแม่บท 10 ปี (ปี 2560-2570) โดยสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ของประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (ปี 2560-2564) และแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจสาขาสถาบันการเงินผลการดำเนินงานปี 2560 มีกำไรสุทธิ 1,360 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 มีเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน 91,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2559 จำนวน 8,717 ล้านบาท เป็นสินเชื่อใหม่ที่เบิกจ่ายเพิ่มขึ้นในระหว่างปีจำนวน 27,331 ล้านบาท และมีการชำระคืนของสินเชื่อเดิมบางส่วน ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 159,948 ล้านบาท
นอกจากนี้ ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะ เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพให้แข่งขันได้มากขึ้นทั้งทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยมีปริมาณธุรกิจของเอสเอ็มอี เท่ากับ 99,612 ล้านบาท และมีเงินให้สินเชื่อคงค้างแก่เอสเอ็มอี เท่ากับ 37,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,110 ล้านบาท หรือ 6.02% เมื่อเทียบกับปีก่อน
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของ ธนาคาร (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 อยู่ที่ 3.57% เท่ากับปีก่อน โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ 3,285 ล้านบาท และมีเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 7,949 ล้านบาท เป็นสำรองหนี้พึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย 3,493 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินสำรองที่กันไว้แล้วต่อสำรองหนี้พึงกัน 227.53% ทำให้ธนาคารยังคงดำรงฐานะการเงินที่มั่นคง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี