นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)กระทรวงการคลัง ได้แถลงข่าวการดำเนินงานของ สบน. ในปี 2561 ว่า แผนการกู้เงินของรัฐบาลในปี 2561 สบน. มีแผนกู้เงิน จำนวน 1.124 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย
1. การกู้เงินใหม่จำนวน 607,251 ล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จำนวน 450,000 ล้านบาท และสนับสนุนการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน(เมกะโปรเจกท์) อาทิ โครงการระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) โครงการระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย - จีนและโครงการรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ตลอดจนโครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจรของกรมทางหลวง
2.การกู้เงินปรับโครงสร้างหนี้เดิมจำนวน 516,755 ล้านบาท โดย สบน. เห็นควรระดมทุนจากภายในประเทศโดยการกู้เงินในรูปแบบพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้อื่นๆ เป็นหลัก โดยมีการกู้เงินสกุลต่างประเทศจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศบางส่วนสำหรับโครงการที่มีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ
“ปัจจุบันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของหนี้รัฐบาลยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากมีสัดส่วนหนี้ต่างประเทศเพียงร้อยละ 0.9 ของหนี้รัฐบาลทั้งหมด โดยหนี้ต่างประเทศที่คงค้างอยู่ และหนี้ต่างประเทศที่จะมีการกู้เพิ่มเติมในปี 2561 สบน. จะเร่งดำเนินการปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งชำระคืนหนี้ต่างประเทศที่มีต้นทุนสูงกว่าอัตราตลาดในปัจจุบัน โดยเปลี่ยนมาใช้เงินกู้ในประเทศทดแทน (Refinancing)”
ส่วนผลการดำเนินงานของ สบน. ในปี 2560 สบน. ได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จำนวน 552,922 ล้านบาท และกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 542,397 ล้านบาท
นายประภาศ กล่าวว่า ปัจจุบันระบบการเงินและการทำธุรกรรมทางการเงินของโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ประกอบกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ของรัฐบาล ส่งผลให้ สบน. ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารเงินสดและเงินคงคลังของรัฐบาลให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดย สบน. ได้เสนอแก้ไขกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะและกฎหมายเงินคงคลังเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารเงินคงคลัง ทำให้การบริหารเงินสดของรัฐบาลมีความคล่องตัวมากขึ้น สามารถบริหารระดับของเงินคงคลังให้สอดคล้องกับการเบิกจ่ายของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยการเพิ่มกรอบการกู้เงินระยะสั้นเพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลัง ไม่เกินร้อยละ 3 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี และให้กระทรวงการคลังสามารถขยายระยะเวลาการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณให้สอดคล้องกับการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณเหลื่อมปีได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการถือครองเงินสดเมื่อยังไม่มีความจำเป็นต้องเบิกจ่ายและทำให้การวางแผนการกู้เงินของรัฐบาลมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าว สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับแล้ว เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา โดยในระยะต่อไป สบน. จะต้องปฏิรูปกระบวนการบริหารเงินสดของรัฐบาล โดยปรับรูปแบบและเครื่องมือการกู้เงินเพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลังตามกรอบของกฎหมายใหม่ รวมทั้งปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการประมาณการรายได้และรายจ่ายของภาครัฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี