นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ... (อีอีซี)แล้ว มั่นใจว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ทั้งนักลงทุนว่าประเทศไทยพร้อมเดินหน้าพัฒนาการลงทุนโครงการต่างๆ และประชาชนที่จะมีกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในเบื้องต้นจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนา ช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนและชุมชน สร้างสมดุลให้ทุกคนทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์
ขั้นตอนต่อไป สำนักงานอีอีซีจะเร่ง 5 โครงการหลักที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐานที่จะเชื่อมระบบราง ถนน น้ำ และอากาศ เพื่อรองรับการลงทุนในอีอีซี และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน โดยจะประกาศร่างประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เพื่อเร่งระดมให้เกิดการลงทุนจริงก่อนเดือนธันวาคม 2561 ได้แก่
1.โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ประกอบด้วย ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา 2.โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา 3.โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน หรือ MRO 4.โครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 และ 5.โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3
นายอุตตมกล่าวว่า ในเดือนมีนาคมนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกไปโรดโชว์นักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศอย่างเข้มข้น อาทิ ญี่ปุ่น จีน รวมถึงกลุ่มประเทศแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยจะมีการกำหนดเป้าหมายอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ชัดเจน ทั้งนี้ จะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายอีอีซีภายใน 60 วัน และต้องแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายอีอีซีภายใน 90 วัน
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย (อีอีซี) กล่าวว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นกฎหมายฉบับแรกที่ใช้กำหนดทิศทางการพัฒนาพื้นที่ชัดเจน 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ให้สามารถดำเนินการให้สำเร็จโดยเร็ว และใช้เป็นตัวอย่างการพัฒนาพื้นที่อื่นๆ ในอนาคต หากจะเพิ่มเติมต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและขยายได้เฉพาะพื้นที่อื่นในภาคตะวันออก
โดยสาระสำคัญ กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเป็นองค์กรถาวร เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการทำภารกิจระยะยาวให้บรรลุเป้าหมาย และมีโครงสร้างบริหารโดยคณะกรรมการนโยบายอีอีซีมาจากทุกภาคส่วนทั้งข้าราชการประจำ ภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานรวมทั้งสิ้น 28 ท่าน เป็นการแจ้งแบบสัญญาเพื่อการทำงานมีประสิทธิภาพ แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลในอนาคต จะไม่ยึดติดกับตำแหน่ง
“เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีนักลงทุนทั้งจากญี่ปุ่น และจีนที่รอให้มีการตรากฎหมายดังกล่าว ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น มั่นใจว่าปีนี้จะสามารถผลักดันให้อุตสาหกรรมเป้าหมายยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีมากกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) คาดการณ์ไว้ จากมูลค่าคำขอรับส่งเสริมการลงทุนปีนี้ทั้งปีคาดไว้ที่ 7.2 แสนล้านบาท และคาดว่าจะมีการลงทุนเกิดขึ้นจริงภายในปีนี้ 30-40% จากคำขอรับส่งเสริมการลงทุนปีก่อนที่มี 2 แสนล้านบาท” นายคณิศกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี