นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงานเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 กระทรวงพลังงาน กับ กระทรวงพาณิชย์ ได้ รายงานให้ที่ประชุมทราบว่าทางกระทรวงพาณิชย์ มีมาตรการเร่งส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ 1 แสนตันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กระทรวงพลังงาน จะเพิ่มสัดส่วนการนำน้ำมันปาล์มดิบในการผลิตเป็นไบโอดีเซลจาก 7% หรือบี 7 เป็น 10% ช่วยระบายสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบได้ 6 ล้านลิตรต่อวัน จากปกติ 4 ล้านลิตรต่อวันได้ต่อเนื่อง
ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์รมว.พาณิชย์กล่าวว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2560ปริมาณสต๊อกที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ถึง 532,000 ตัน ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้ทั้ง 2 กระทรวงร่วมกันลดสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ 2 แสนตัน ในช่วงระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน โดยกระทรวพาณิชย์จะทำการกระตุ้นให้มีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบโดยตรง ในขณะที่กระทรวงพลังงานจะเพิ่มการผลิต น้ำมัน ไบโอดีเซล จากความต้องการใช้ปกติที่ 4 ล้านลิตรต่อวัน ให้เป็น 6 ล้านลิตรต่อวันและเก็บไบโอดีเซล ส่วนที่ผลิตเกินความต้องการไว้ในสต๊อกชั่วคราว
ทั้งนี้ผลการดำเนินการพบว่า กระทรวงพาณิชย์ สามารถกระตุ้นให้มีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้ 157,000 ตัน และกระทรวงพลังงาน เพิ่มการผลิตไบโอดีเซลอย่างต่อเนื่อง จากเดิม 4 ล้านลิตรต่อวัน จนถึง 6 ล้านลิตรต่อวัน ในปัจจุบัน ทำให้สต๊อก Biodiesel เพิ่มสูงขึ้นจาก 92 ล้านลิตร เป็น 109 ล้านลิตร
“จากผลการร่วมมือของทั้ง 2 กระทรวง ทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงจาก 532,000 ตัน ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2560 คงเหลือ 407,000 ตัน ในเดือนมกราคม 2561 ทั้งนี้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบได้เพิ่มสูงขึ้นจาก 19 บาทต่อกิโลกรัม ในเดือนธันวาคม 2560 มาเป็น 21 บาทต่อกิโลกรัม ขณะเดียวกัน ราคาผลปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ก็ปรับขึ้นเช่นกัน จาก 3.37 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ระดับ 4.10 บาทต่อกิโลกรัม โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นกก.ละ 4.20 บาท” รมว.พาณิชย์ กล่าว
มีรายงานแจ้งว่า ในส่วนการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำนั้น ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งให้หน่วยงานรัฐดูดซับยางพาราในตลาด 2 แสนตัน เช่น กระทรวงคมนาคม นำยางพาราไปทำถนนยางพารา ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าจะช่วยให้ราคาขยับตัวขึ้นไปเกินกว่า 50 บาทต่อกก.ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 โดย ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ราคายางแผ่นรมควัน ชั้น 3 อยู่ที่ 47.32 บาทต่อกิโลกรัม
ในวันเดียวกัน นายพสุ โลหารชุนปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่ากระทรวงอุตสาหกรรม การลงนามความร่วมมือโครงการ“ปั้นนักธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปไทย (SMEs เกษตร) ตามแนวประชารัฐ” ระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพการผลิตให้กับเครือข่าย และเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ เพิ่มผลิตภาพให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อฯลฯรวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้มีความพร้อมเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป (SMEs เกษตร) ที่มีความรู้ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณภาพ”
ทั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมาย 600 กลุ่มทั่วประเทศ จำนวน 55,000 คน ระยะเวลาตั้งแต่เดือนเมษายน–เดือนกันยายน 2561 โดยคาดว่าจะสามารถสร้างผู้ประกอบการเกษตรแปรรูป และ SMEs เกษตร
เพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 30%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี