เรือตรีทรงธรรม จันทประสิทธิ์รองผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) สายวิศวกรรม รักษาการแทนผู้อำนวยการ กทท. เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานด้านการให้บริการเรือ สินค้า และตู้สินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.),ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.), ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน (ทชส.), ท่าเรือเชียงของ (ทชข.)และท่าเรือระนอง (ทรน.) ในช่วงไตรมาสแรกประจำปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม-ธันวาคม 2560) โดยเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของงบประมาณปีก่อน ปรากฏว่า ทกท.มีเรือเทียบท่า 774 เที่ยว ลดลง 5.00% สินค้าผ่านท่า 5.904 ล้านตันเพิ่มขึ้น 12.70% ตู้สินค้าผ่านท่า 0.376 ล้านที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 0.50%
ส่วน ทลฉ.มีเรือเทียบท่า 3,331 เที่ยวลดลง 1.80% สินค้าผ่านท่า 21.519 ล้านตันเพิ่มขึ้น 2.40% ตู้สินค้าผ่านท่า 2.024 ล้านที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 5.60%, ทชส.มีเรือเทียบท่า1,318 เที่ยว เพิ่มขึ้น 126.90% สินค้าผ่านท่า 92,883 ตัน เพิ่มขึ้น 99.30%,ทชข.มีเรือเทียบท่า 123 เที่ยว ลดลง 35.60% สินค้าผ่านท่า 20,355 ตัน เพิ่มขึ้น 7.10% และทรน.มีเรือเทียบท่า 80 เที่ยว เพิ่มขึ้น50.90% สินค้าผ่านท่า 22,049 ตันเพิ่มขึ้น 142.00%
ทั้งนี้ภาวะอุตสาหกรรมการค้าตู้สินค้าทั่วโลก คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 4.3% ในปี 2561 (Drewry Shipping Consultants, Oct 2017) และขยายตัวต่อเนื่องอย่างช้าๆ ไปอีก 5 ปี ซึ่งการเติบโตที่ลดลง บวกกับความท้าทายจากการควบรวมอุตสาหกรรม ทำให้อุตสาหกรรมท่าเรือชะลอตัวลงตาม เนื่องจากผู้ประกอบการท่าเทียบเรือระดับโลก ยังไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาท่าเทียบเรือแห่งใหม่
เรือตรีทรงธรรม กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ที่ขยายตัวประมาณ4.0% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 3.2% อันเป็นผลจากการส่งออกสินค้าและบริการที่ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวชัดเจน โดยการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องในหลายหมวดสินค้าและในเกือบทุกตลาดส่งออก ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณสินค้าผ่านท่าของ กทท.ที่มีผลการดำเนินงานด้านตู้สินค้าผ่านท่าทั้งสิ้น 2.400 ล้านที.อี.ยู. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า0.106 ล้าน ที.อี.ยู. หรือเพิ่มขึ้น 4.6% และผลการดำเนินงานด้านสินค้าผ่านท่า 27.423 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.107 ล้านตันหรือเพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ในส่วนการลงทุนของภาคเอกชน ก็เริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวจากปีก่อนหน้าสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ตามความชัดเจนของการดำเนินนโยบายภาครัฐ อาทิ โครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ. พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมถึง ทลฉ. จึงเป็นปัจจัยบวกสำหรับ กทท.
อย่างไรก็ตามปัจจัยต่างๆ อาทิแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญๆ รวมทั้งภาวะอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเป็นบวก จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผลการดำเนินงานของ กทท.ในระยะถัดไปขยายตัวได้ประมาณ 6.0-7.0% หรือมีปริมาณตู้สินค้าผ่าน กทท.ประมาณ 9.7-9.8 ล้าน ที.อี.ยู. เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2561
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี