คมนาคมยืนยันโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ทางด่วนพิเศษระหว่างเมืองมีการศึกษาความเป็นไปได้และการรับฟังความคิดเห็นของโครงการ ย้ำการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมต้องเหมาะสมกับประเทศ
26 ก.พ.61 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกรณี พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กระโดดจากชั้น 7 ของห้างสรรพสินค้า พร้อมทิ้งจดหมายค้านรถไฟรางคู่ขนาด 1 เมตร, รถไฟฟ้ายกระดับ และผลักดันให้สร้างถนน Auto Bann ว่าโครงการที่ดังกล่าวทางกระทรวงได้มีการศึกษามาโดยตลอด มีการรับฟังความคิดเห็นและมีการทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รวมถึงได้มีการผ่านการเห็นชอบ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือโครงการต่างๆ ได้มีการศึกษาและวิเคราะห์ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย
นายอาคม ยังกล่าวว่า ในส่วนของกรณีการสร้างถนนแบบ Auto Bann นั้น ข้อแตกต่างระหว่างโครงการทางด่วนพิเศษระหว่างเมือง จะแตกต่างกันตรงที่แบบ Auto Bann นั้น เป็นแบบระบบปิดที่ไม่จำกัดความเร็ว ซึ่งในประเทศไทยคงจะทำยาก เพราะจะมีที่พักอาศัยและอาคารต่างๆ จะขึ้นตามแนวเส้นทางแต่ก็พยายามจะดำเนินการให้ได้มากที่สุด โดยโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ที่พยายามทำเป็นระบบปิด แต่ก็ต้องมีการเปิดช่องให้ออกแต่ในต่างประเทศที่มีทางด่วนพิเศษระหว่างเมืองที่เป็นเส้นทางจะปิดทางขึ้นลงระหว่างทางทั้งหมด มีทางออกทางเดียวเพื่อเข้าสู่เมือง จึงทำให้ความเร็วในการขับขี่ลดลงไม่สามารถใช้ความเร็วได้ถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่น เยอรมัน
"ถ้าเรามีที่ว่างเปล่าสามารถทำถนนและปิดกั้นไม่ให้ 2 ข้างทางเข้าออกได้ก็สามารถทำ Auto Bann ได้แต่ก็ต้องดูความคุ้มค่าด้วยว่ามีพื้นที่ไหนต้องการเปิดพื้นที่สร้างถนนเข้ากลางทุ่งนาเพื่อเปิดเมืองใหม่อันก็ต้องดู เพราะการลงทุนส่วนใหญ่เป็นการสร้างเกาะถนนเดิมให้ได้มากเพื่อความสะดวกและลดต้นทุน ซึ่งก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะนำระบบของต่างประเทศมาใช้แต่ก็ต้องดูให้เหมาะสมกับประเทศไทยด้วย" นายอาคม กล่าว
ทั้งนี้ในส่วนของรถไฟในประเทศไทยทั้งหมดนั้นเป็นรางขนาด 1 เมตรอยู่แล้ว และมีการพูดกันเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาว่าจะมีการเปลี่ยนระบบหรือจะคงระบบเดิมไว้แต่เมื่อคำนึงถึงระบบของการใช้งาน ขนาด 1 เมตรไว้ใช้สำหรับการขนส่งสินค้าและการเดินทางที่ไม่ต้องการใช้ความเร็วมาก ส่วนที่ต้องการความเร็วมากเป็นระบบปิดจอดเพียงสถานีใหญ่จะเป็นระบบรถไฟความเร็วสูง ซึ่งก็มีการใช้งานทั้ง 2 ระบบ
นายอาคมยังกล่าวถึงกรณีที่มีรถ NGV ถูกทุบที่ท่าเรือแหลมฉบังว่า เบื้องต้นทางผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบังได้มีการออกมาชี้แจงแล้วเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในเขตของการท่าเรือฯ ยังอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทเอกชน โดยกรณีดังกล่าว จะต้องรอให้ทางการท่าเรือฯ และถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมมือกันพิสูจน์หลักฐานวิเคราะห์และหาสาเหตุต่อไป รวมถึงได้มีการกำชับในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยและรักษาสินค้าแม้ว่าจะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ก็จะต้องไม่บุสลาย
อย่างไรก็ตามข้อมูลจากกระทรวงคมนาคมระบุว่า ระบบรถไฟทางคู่ขนาด 1 เมตร เป็นระบบมาตรฐานของขนาดรางในประเทศแถบอาเซียนโดยพบว่าประเทศเมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนามและไทยใช้ระบบรางรถไฟ 1 เมตร รวมกัน 13,660 กิโลเมตร คิดเป็น 67% ของระบบรางทั้งหมดในอาเซียน ซึ่งมีระยะทาง 20,310 กิโลเมตร ส่วนประเทศฟิลิปปินส์และประเทศอินโดนีเซียมีระบบรางขนาด 1.067 เมตร ระยะทางรวมกัน 6,037 กิโลเมตร ขณะที่รถไฟทางคู่ขนาด 1.435 เมตรนั้นเป็นมาตรฐานของกลุ่มประเทศยุโรปที่ปัจจุบันยังไม่มีการเชื่อมโยงเส้นทางระบบรางมาถึงประเทศไทย
สำหรับรางรถไฟขนาด 1.435 เมตรนั้นเป็นระบบรางรถไฟมาตรฐาน (Standard Gate) ของระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีแผนลงทุนรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ-หนองคายและเส้นทางกรุงเทพ-ระยอง และทั้ง 2 เส้นทางดังกล่าวเป็นการใช้ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ด้านระบบเชื่อมโยงรถไฟความเร็วสูงสายอีสานนั้นจะเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งไทย-สปป.ลาว-จีน โดยผ่านเส้นทาง กรุงเทพ-หนองคาย-เวียงจันทน์-บ่อเต็นเข้าสู่ประเทศจีน ขณะที่เส้นทางรถไฟความเร็วสูงทางภาคใต้นั้นมีจุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟธรรมดาของไทยที่สถานีปาดังเบซาร์ โดยรถไฟความเร็วสูงเส้นทางดังกล่าวจะเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างปาดังเบซาร์-กัวลาลัมเปอร์ในประเทศมาเลเซียทั้งยังมีแผนขยายเส้นทางเชื่อมต่อจากกัวลาลัมเปอร์ไปยังประเทศสิงคโปร์อีกด้วย คาดว่าจะเปิดบริการภายในปี 2569
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี