จากกรณีที่นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาการก่อสร้างที่จอดรถภายในอาคารรัฐสภาใหม่ จากที่กำหนดไว้ในการออกแบบ จำนวน 3,000 คัน แต่บริษัทที่รับการก่อสร้างที่จอดรถ เตรียมจะปรับลดเหลือ 2,000 คัน อาจทำให้ผิดจากแบบที่กำหนดไว้ และอาจทำให้การก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้าว่า ทางรัฐสภาได้วางแผนมาดีแล้ว โดยจะทำที่จอดรถชั้นใต้ดิน แต่ถ้าที่จอดรถชั้นใต้ดินไม่เพียงพอ ระยะแรกจะขอความอนุเคราะห์พื้นที่ใกล้เคียงขอที่จอดรถ อาทิ พื้นที่ของทหารบริเวณด้านหน้าถนนสามเสนและด้านข้างถนนทหาร โดยมีบริการจัดรถรับและส่ง แต่ในอนาคตจะมีการเสนอขอสร้างที่จอดรถเพิ่ม สร้างบนดินถ้าหากดูแล้วบริเวณไหนเหมาะสม หรือสร้างใต้ดินได้อีก 2-3 ชั้น น่าจะมีพื้นที่เพียงพอ แต่ต้องขึ้นกับนโยบายว่าจะสร้างที่จอดรถเพิ่มเติมอย่างไร
ล่าสุดนายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ชี้แจงว่า กรณีที่มีข่าวออกมาว่ามีการปรับแบบการก่อสร้าง ทางบริษัทขอยืนยันว่า ยังคงก่อสร้างตามแบบที่มีการตกลงกันไว้ทุกประการไม่มีการปรับแบบแต่อย่างใด ที่จอดรถก็ไม่มีการลดจำนวนลงตามที่มีคนพยายามให้ข่าว ทั้งนี้ตนไม่เข้าใจว่าคนที่ออกมาสร้างข่าวมีวัตถุประสงค์เช่นไร เพราะในความเป็นจริงแล้วบริษัทยังคงยึดรูปแบบกาก่อสร้างตามสัญญาที่ได้มีการเซ็นกันไว้ทุกประการ ดังนั้นหากมีการให้ข่าวที่ส่งผลร้ายกับบริษัท ทางบริษัทก็อาจจะมีการพิจารณาในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ส่วนการก่อสร้างที่เป็นไปอย่างล่าช้า นายภาคภูมิกล่าวว่า ในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่ถนนเกียกกาย กรุงเทพมหานครที่ทางบริษัทเป็นผู้บริหารงานก่อสร้างนั้น เกิดข้อผิดพลาดตั้งแต่การส่งมอบพื้นที่จากรัฐสภาที่ไม่เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งระหว่างการดำเนินการก็พบปัญหาว่าไม่มีที่ทิ้งดินที่มาจากการขุดขึ้นมาจากบริเวณพื้นที่ก่อสร้างจำนวนกว่า 1 ล้านคิว ซึ่งรัฐสภาไม่สามารถหาพื้นที่ให้บริษัทนำดินไปเททิ้งในพื้นที่ที่ทางรัฐสภากำหนดไว้ได้ตามสัญญา จึงมีปัญหาทำให้การก่อสร้างล่าช้าออกไปอีก
ทั้งนี้ หากการดำเนินการก่อสร้างหากเป็นไปตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ การก่อสร้างต้องเริ่มต้นปี 2556 กำหนดแล้วเสร็จไม่เกินปี 2559 แต่จากปัญหาการส่งมอบพื้นที่และปัญหาพื้นที่รองรับดินที่กล่าว ส่งผลให้เสียเวลาในการดำเนินการไม่น้อยกว่า 1,200 วัน หรือมากกว่า 3 ปี ตรงนี้ทางบริษัทเสียหายมากกว่า
นายภาคภูมิ กล่าวต่อว่า ในธุรกิจการก่อสร้างไม่มีผู้รับเหมาบริษัทใดไม่ว่าบริษัทใหญ่หรือบริษัทเล็ก ที่รับงานก่อสร้างมาแล้วอยากส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนด เพราะยิ่งช้าหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เพราะบริษัทต้องรับผิดชอบต่อแรงงานที่เข้ามาทำงานแต่ทำไม่ได้ตามเป้าหมายเนื่องจากติดเงื่อนไขการส่งมอบพื้นที่ ตรงนี้ในที่สุดบริษัทกำลังพิจารณาว่าจะส่งหนังสือชี้แจงทางรัฐสภาเพื่อขอความช่วยเหลือจากปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่ความรับผิดชอบของบริษัท แต่เป็นส่วนของการส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างรัฐสภาใหม่ล่าช้า จนทำให้การทำงานจากเดิมกำหนดไว้ 900 วันเป็น 2,400 วัน จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จะพบว่าบริษัทไม่มีกำไรจากการขยายระยะเวลาการก่อสร้างแต่อย่างใด
“บริษัทได้เร่งดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญาใหม่ รวมทั้งจะเร่งดำเนินการก่อสร้างอาคารบางส่วนให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ บริษัทเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้น จะไม่ทำให้การก่อสร้างล่าช้าอีก และแม้ว่าจะไม่มีกำไร แต่บริษัท ก็ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่อันเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นสมบัติของชาติ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี