นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ในปี 2561 นี้คาดว่าเอกชนจะออกหุ้นกู้ 6-6.5 แสนล้านบาท จากปีก่อน 8.3 แสนล้านบาท โดยจะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนด 4.8 แสนล้านบาท และซึ่งยังไม่รวมรายใหญ่ที่จะมีดีลพิเศษ เช่น การเข้าซื้อกิจการ การขยายธุรกิจ โดยในช่วงไตรมาสแรกนี้ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ ออกหุ้นกู้ 5 หมื่นล้านบาท และในช่วงเดือนเมษายนนี้ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จะออกหุ้นกู้อีก 2.5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ 3 เดือนแรกภาคเอกชนออกหุ้นกู้ไปแล้ว 3.38 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นนิวไฮครั้งใหม่
“การที่เอกชนหันมาระดมทุนออกหุ้นกู้ เพราะดอกเบี้ยในประเทศต่ำในขณะที่เศรษฐกิจมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี และบางรายออกตั๋วแลกเงิน(BE) หุ้นกู้ ก่อนที่เกณฑ์ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) บังคับใช้เมื่อวันที่ 1 เมษายนนี้ ที่กำหนดว่าเอกชนไม่สามารถขายตั๋ว BE ให้นักลงทุนรายใหญ่และสถาบันได้ ทำให้เอกชนเร่งการออกตั๋ว BE
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ThaiBMA กล่าวว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างชาติยังไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรต่อเนื่อง หลังไตรมาส 1/61 มีการซื้อสุทธิเพิ่มขึ้น 38,660 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตราสารหนี้ระยะยาว 52,573 ล้านบาท และลดการถือครองตราสารหนี้ระยะสั้น 13,913 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้เงินทุนยังไหลเข้า เนื่องจากไทยยังมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่า ขณะที่เงินเฟ้อของไทยยังต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ แม้ว่าผลตอบแทนพันธบัตรไทย 10 ปี มีอัตราที่ต่ำกว่าพันธบัตรสหรัฐเป็นครั้งแรก โดยของไทยอยู่ที่ 2.56% ของสหรัฐ 2.74% ทำให้ดอกเบี้ยไทยต่ำกว่าสหรัฐ 0.20 บาทก็ตาม
อนึ่งสำหรับ ปี 2560 ยอดคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทยอยู่ที่ 11.56 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.89% จากปีก่อน โดยเอกชนออกตราสารหนี้ระยะยาวมียอดออกเสนอขายเกิน 8 แสนล้านบาท ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยปี 2560 มีมูลค่าการออกเสนอขาย 8.23 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จากปีก่อน ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่ประมาณการต้นปีที่คาดอยู่ที่ 6 แสนล้านบาท
ขณะที่ฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดผลสำรวจผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (CEO) ว่า CEO ส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2561 มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเติบโตในช่วง 3% ถึง 4% มีปัจจัยด้านการท่องเที่ยว นโยบายการคลังและการใช้จ่ายภาครัฐและเสถียรภาพของการเมืองในประเทศ เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 ประกอบด้วย ความผันผวนของค่าเงินบาท เสถียรภาพของการเมืองในประเทศ และอัตราค่าแรงที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม CEO ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ภาวะอุตสาหกรรม การดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนการลงทุนและการส่งออกมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี