นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัท ประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 บริษัท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 269 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 88 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 48.7% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 181 ล้านบาท และมีรายได้รวม24,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,856 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีรายได้อยู่ที่ 20,896 ล้านบาท โดยการเติบโตของทั้งกำไรสุทธิ และรายได้เกิดจากปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 942 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงการเติบโตของธุรกิจนอนออยล์ ทั้งในส่วนของการจำหน่ายแก๊ส LGP ที่เพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านสะดวกซื้อธุรกิจการให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ และธุรกิจอื่นๆ ที่ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของกำไรขั้นต้นต่อลิตรของธุรกิจน้ำมันในไตรมาสนี้ มีการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการปรับราคาขายปลีกของอุตสาหกรรมน้ำมันที่สอดคล้องกับต้นทุนมากขึ้น และกำไรขั้นต้นจากธุรกิจนอนออยล์ ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน PTG มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจนอนออยล์คิดเป็น 8.4% จากปีที่แล้วที่ 7.1%
นายพิทักษ์กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัท กาแฟพันธุ์ไทยจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTG (PTG ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%) เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน บริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด หรือ JTC จำนวน 315,000 หุ้น หรือในสัดส่วน 70.00% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยบริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งการผลิตอาหารสำเร็จรูปประเภท Chilled Food, Frozen Food และการให้บริการจัดแคเทอริ่งให้กับโรงแรมชั้นนำเป็นต้น ซึ่ง PTG เล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต และเพื่อสนับสนุนการเติบโต และพัฒนาของกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้เครือข่ายของบริษัทให้มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด
นอกจากนี้ ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้ PTG เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ในการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ จำนวน 1 บริษัท ชื่อ บริษัท บีพีทีจี จำกัด “BPTG” เพื่อประกอบกิจการสถานีบริการน้ำมัน บริเวณด้านหน้าคลังน้ำมันพิจิตร คลังน้ำมันนครลำปาง และสถานีสูบถ่ายน้ำมันกำแพงเพชร ของบริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด โดย PTG เข้าไปลงทุน 60% ของทุนจดทะเบียนใน BPTG และ BAFS เข้าลงทุน 40% ของทุนจดทะเบียน
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายตั้งเป้าหมายในการเพิ่มเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน และแก๊สให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และเพิ่มธุรกิจ Non-oil ต่างๆ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับสถานีบริการ โดยบริษัทยังคงตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันให้เพิ่มขึ้น 20-25% จากปีก่อน และคงเป้า EBITDA เพิ่มขึ้น 40-45% จากปีก่อนรวมถึงตั้งงบลงทุนไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก 3,000-3,300 ล้านบาท ธุรกิจ Non-oil 500-700 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500-1,000 ล้านบาท เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มขององค์กรในระยะยาว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี