นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวในงานฉลองครบรอบ 25 ปี ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)ภายใต้แนวคิด “SUCCESS TOGETHER”ว่า ตลอดระยะเวลา 25 ปี มียอดอนุมัติค้ำประกันสะสม ณ 31 พฤษภาคม 2561 กว่า 700,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อ 324,000 ราย ผ่านหลายโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ทั้งการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Transformation Loan การค้ำประกันสินเชื่อแบบ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 1-6 (PGS 1-6) ที่ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อ กระทรวงการคลังพร้อมสนับสนุนบสย.ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 7 วงเงิน 150,000 ล้านบาท และการค้ำประกันไมโครเอสเอ็มอี 15,000 ล้านบาท
การกำหนดเงื่อนไขแตกต่างกันเพื่อเปิดทางให้เอสเอ็มอีที่เคยพึ่งพาเงินนอกระบบได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงเอสเอ็มอีภาคเกษตร ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เพื่อดูแลทั้งการเงิน ความรู้ เทคโนโลยี ตลาดออนไลน์ บสย.ยังได้ปรับระบบอนุมัติสินเชื่อจาก 3 วัน เหลือเพียง 3 ชั่วโมง ด้วยการเชื่อมข้อมูลผ่านธนาคารเพื่อความสะดวกในการอนุมัติการค้ำประกันและมองว่ารายย่อยจะเกิดปัญหาหนี้เสียได้สูงมากรวมทั้งขยายโอกาสไปยังซัพพลายเออร์ผู้ส่งสินค้าให้กับผู้ส่งออกที่มีหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสในการส่งออกสินค้า
นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ บสย.กล่าวว่าจากรายงานผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่า ในช่วงปี 2552-2558 งบประมาณของรัฐจัดสรรให้บสย.นำมาใช้ในการค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกๆ 1 บาท ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจถึง 4.5 เท่าของวงเงินค้ำประกันก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม รวม 1.74 ล้านล้านบาท ช่วยให้สินเชื่อที่สถาบันการเงินปล่อยให้เอสเอ็มอีขยายตัว 1.7 เท่าของวงเงินค้ำประกันสินเชื่อเกิดการจ้างงาน 3.6 ล้านราย และมีเงินภาษีกลับเข้าสู่รัฐกว่า 225,000 ล้านบาท
นายวิเชษฐ์ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไป สายงานธุรกิจ บสย. กล่าวว่าโครงการค้ำประกันสินเชื่อแบบ Portfolio GuaranteeScheme ระยะที่ (PGS 7) ได้ศึกษาเงื่อนไขร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) วงเงิน 150,000 ล้านบาท แบ่งกลุ่มเอสเอ็มอีด้วยเงื่อนไขแตกต่างกัน ทั้งกลุ่มทั่วไป เอสเอ็มอีเกษตร เอสเอ็มอีรายย่อย ผู้จัดทำบัญชีเล่มเดียว ค้ำประกันสูงสุด 40 ล้านบาทต่อราย กลุ่มเป้าหมายหลายแสนราย เพราะเอสเอ็มอีในระบบ 3 ล้านราย ประกอบด้วย กลุ่ม Small ประมาณ 900,000 ราย กลุ่มขนาดกลาง 45,000 ราย กลุ่มไมโคร 2 ล้านราย สำหรับการรับความเสี่ยงแบ่งให้ธนาคารรับภาระหนี้เอ็นพีแอล 76% ส่วนที่เหลือ 24% บสย.รับภาระหนี้เสีย สำหรับค่าธรรมเนียมแบ่งตามความเสี่ยง หากเป็นการจัดทำบัญชีเดียวได้รับการยกเว้น 1-2 ปีแรกส่วนโครงการค้ำประกันไมโครเอสเอ็มอี ค้ำประกันวงเงิน 2 ล้านบาทต่อราย แบงก์รับภาระหนี้เอ็นพีแอล 40% ส่วนที่เหลือ 60% บสย.รับภาระ เพราะมีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น
การดำเนินงานของ บสย. มุ่งเน้นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับคู่พันธมิตร ด้วยการร่วมกับสถาบันการเงินของรัฐ โดยลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 2 โครงการคือ 1.โครงการสินเชื่อประชารัฐ ระหว่าง ธนาคารกรุงไทย กับ บสย. และ 2.โครงการสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยความร่วมมือระหว่างธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กับ บสย. เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อ โดยมี บสย.ค้ำประกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี