นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า การเข้าซื้อหุ้นในแหล่งบงกชจากบริษัทในเครือของกลุ่มเชลล์ในสัดส่วนร้อยละ 22.2222 ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญาการโอนสิทธิสัมปทานเมื่อเดือนมกราคม 2561 นั้นมีผลสมบูรณ์แล้ว โดยได้รับการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 และล่าสุดทุกฝ่ายลงนามในสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (Supplementary Petroleum Concession) แล้วเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561 ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีสัดส่วนการลงทุนในแหล่งบงกชเพิ่มเป็นร้อยละ 66.6667
สำหรับการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนในแหล่งบงกชเป็นไปตามกลยุทธ์ของ ปตท.สผ.ที่แสวงหาการลงทุนใหม่ โดยการเข้าซื้อกิจการ เพื่อรองรับการเติบโตและเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยการเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยให้กับ ปตท.สผ.ประมาณ 35,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันได้ทันที และที่สำคัญยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ปตท.สผ. ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งก๊าซฯ บงกชในปัจจุบันที่มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูล เพื่อเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งบงกชต่อไป
นายสมพร กล่าวว่า ปตท.สผ.มีประสบการณ์และความชำนาญในการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งบงกชเป็นผู้ดำเนินการมากว่า 20 ปี และดำเนินงานโดยคนไทยเกือบ 100% มั่นใจว่าจะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่องตามนโยบายของภาครัฐด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ และให้ผลประโยชน์กับประเทศมากกว่า
“ขอย้ำว่า ปตท.สผ.เป็นบริษัทไทยจะเข้าร่วมประมูลทั้งแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณ เพื่อสร้างความต่อเนื่องและความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอย่างแน่นอนทั้งนี้ นอกจากการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณแล้ว ปตท.สผ.ยังมุ่งแสวงหาการลงทุนใหม่ ๆ จากการเข้าซื้อกิจการ โดยให้ความสำคัญกับการแสวงหาสินทรัพย์ที่ผลิตแล้วหรือที่กำลังเริ่มผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกลาง ตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท” นายสมพร กล่าว
สำหรับแหล่งบงกช และแหล่งเอราวัณ อยู่ระหว่างการเปิดประมูลใหม่ก่อนสัมปทานสิ้นสุดในปี 2565
ด้าน นายมุนินทร์ ไตรภพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดพาณิชย์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 ได้เห็นชอบให้ ปตท. อุดหนุนค่าใช้จ่ายในการบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2561 ตามโครงการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีก LPG ภาคครัวเรือน โดยขยายอายุโครงการถึงเดือนธันวาคม 2561 ในวงเงิน 500 ล้านบาทแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี