‘บล.กสิกรไทย’มั่นใจ‘เลือกตั้ง’ชัดเจนสัปดาห์หน้า ดันทิศทางลงทุนมากขึ้น
5 ก.ย.61 นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย เปิดเผยเกี่ยวกับทิศทางของตลาดหุ้นหลังมีการโปรดเกล้าฯกฎหมายเลือกตั้ง ว่า ทาง บล.กสิกรไทย ยังคงเป้าหมายดัชนีตลาดปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 1,805 จุด เนื่องจากแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่องแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. จะชะลอตัวลง แต่ภาพรวมด้านการเงินยังคงเป็นบวกเนื่องจากสภาวะการเงินระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง จากคาดการณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะมีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหน้า และเริ่มมองว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง รวมถึงมีการส่งสัญญาณต้องการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยจากรายงานอัตราเงินเฟ้อช่วงเดือน ส.ค.2561 เติบโตมาอยู่ที่ประมาณ 1.6% แต่หากพิจารณาแค่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเติบโตอยู่ที่ประมาณ 0.7% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามาจากเงินเฟ้อที่เป็นเรื่องของราคาน้ำมันเป็นหลัก โดยทาง ธปท. น่าจะรอดูทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจก่อนแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะขยายตัวอยู่ที่ 4.8% แต่ครึ่งปีหลังไทยมีปัจจัยจากน้ำท่วมที่ส่งผลต่อรายได้ในภาคการเกษตร การท่องเที่ยวจากกรณีเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ตเที่ยวจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเริ่มลดลง รวมถึงข้อพิพาทการค้าที่เกิดขึ้นในปลายปีน่าจะเห็นผลกระทบมากขึ้นเรื่อยๆจึงคาดว่าน่าจะมีการชะลอขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรอดูผลกระทบก่อน
ในส่วนสถานการณ์เงินในกลุ่มตลาดเกิดใหม่จากข้อมูลเมื่อวันที่ 4 ก.ย.2561 เงินรูปีของอินเดียปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 70.89 รูปีต่อดอลลาร์สหรัฐ และรูเปี๊ยะของอินโดนีเซียอ่อนค่าที่สุดในรอบ 20 ปี ที่ 14,814 รูเปี๊ยะต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การขายรูเปี๊ยะห์และรูปีอ่อนค่าตั้งแต่ต้นปี 9% และ 10.6% เป็นไปตามกระแสเงินไหลออก ซึ่งเป็นสัญญาณโจมตีค่าเงินเรียลของบราซิลที่อ่อนค่าลง 20.3% เปโซอาร์เจนตินาอ่อนค่าลง 50.8% และลีลาตุรกีอ่อนค่าลง 43.5% ส่วนสกุลเงินที่มีความเสี่ยงที่จะถูกเทขายต่อไปคือเปโซฟิลิปปินส์ อ่อนค่าลงตั้งแต่ต้นปี 7.1% โดยอ่อนค่าที่สุดในรอบ 12 ปี โดยกลุ่มประเทศที่โดนโจมตีค่าเงินแม้เป็นกลุ่มตลาดเกิดใหม่แต่ก็อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงทางสถานะการเงินที่ต่อเนื่องมาจากปัจจัยการ GDP ชะลอตัว, ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด, เงินเฟ้อพุ่ง และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศต่ำ เป็นต้น
สำหรับไทยแม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มของตลาดเกิดใหม่แต่ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำมีเงินเกินดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันหลายปีเป็นรองแค่สิงคโปร์เท่านั้น และมีหนี้ต่างประเทศไม่ถึง 30% ส่งผลให้ทำให้กระแสเงินไหลเข้าตราสารหนี้ของไทยมากขึ้นหลังจากที่เกิด Panic สกุลลีลาของตุรกีเมื่อ 14 ส.ค.ที่ผ่านมาต่างชาติมีแรงซื้อสุทธิในตราสารหนี้ถึง 75,000 ล้านบาท และมีความเป็นไปว่าจะมีการนำเงินเข้ามาพักในไทยจะทำให้การดำเนินนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยต้องระมัดระวังมากขึ้นไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยเพราะจะทำให้เกิดกระแสเก็งกำไรในค่าเงินบาทอย่างรุนแรงโดย บล.กสิกรไทยยังคงคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ไปจนถึงสิ้นปี
ทั้งนี้ มองว่าในสัปดาห์หน้าช่วง 13-14 ก.ย.นี้จะเป็นวันที่จะต้องมีการติดตามในกรณีของการโปรดเกล้าฯพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(สว.) เนื่องจากครบ 90 วันจากวันที่มีการทูลเกล้าฯ ซึ่งหากมีการโปรดเกล้าฯการเลือกตั้งจะมีความชัดเจนมากขึ้นและมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการเลือกตั้งตามกรอบช่วงวันที่ 24 ก.พ.-5 พ.ค.2562 และประเมินว่าหากมีการเลือกตั้งภาพการลงทุนจะมีความชัดเจนนักลงทุนจะกล้าลงทุนมากขึ้น และส่งผลให้ในปีหน้าเศรษฐกิจเติบโต 4.2% ส่วนในกรณีที่เลื่อนการเลือนตั้งออกไปก็คาดว่าจะส่งผลต่อเนื่องกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงคาดว่าการบริโภคจะได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจจะเติบโตที่ 4.4% ในปีนี้ และปีหน้าเติบโตเพียง 3.8%
อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้าที่ทิศทางการเลือกตั้งจะมีความชัดเจนแล้วยังมีปัจจัยเสริมจากข่าวดีเรื่องที่จะได้ข้อสรุปด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯและแคนนาดา และทางสหรัฐฯจะมีการเริ่มภาษีจากจีนเพิ่มแต่จะไม่ใช่ทีเดียว 200,000 ล้านเหรียญ อาจเป็นการทยอยเก็บส่งผลทำให้ลดแรงกดดันของตลาดทำให้สัปดาห์หน้าคาดว่าตลาดมีการฟื้นตัวสูงมากโดยสัปดาห์หน้าดัชนีตลาดมีโอกาสกลับไปแตะที่ 1,730-1,750 จุดในเดือน ก.ย.นี้ สำหรับกลุ่มหุ้นขาขึ้นกรณีที่มีการเลือกตั้งที่ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่สะท้อนมากที่สุด รองลงมาเป็นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มสื่อสาร ขณะที่ในกรณีที่มีการเลื่อนการเลือกตั้งได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มนิคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี