นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยกรณีที่ บมจ.การบินไทย จะมีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง 58 เส้นทางบิน 11 กลุ่ม และมีผลวันที่ 14 กันยายน 2561 ว่า เป็นการพิจารณาการปรับขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันเพื่อรองรับต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ราคาในตลาดโลกพุ่งสุงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะบวกรวมเข้าไปในราคาบัตรโดยสารทั้งขาไปและขากลับ โดยต้นทุนด้านน้ำมันมีสัดส่วนสูงถึง 30% ของต้นทุนรวม
พร้อมยืนยันว่าการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันไม่เกินกรอบที่ทาง คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) กำหนดไว้ที่ 13 บาทต่อกิโลเมตร
ด้านนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. การบินไทย กล่าวว่า การที่การบินไทย ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมัน เพื่อให้สอดคล้องต้นทุนแท้จริง และพิจารณาปัจจัยด้านการแข่งขันแล้ว เชื่อว่าการปรับค่าธรรมเนียมขึ้นครั้งนี้จะส่งผลทำให้การบินไทยแข่งขันกับสายการบินอื่นได้
มีรายงานจาก การบินไทย แจ้งว่า การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิงครั้งนี้ เนื่องจากต้องการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทและเป็นการปรับขึ้นตามต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้โดยสารจะต้องเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งสายการบินจะบวกรวมเข้าไปในราคาบัตรโดยสาร โดยราคาจำหน่ายบัตรโดยสารแบบ 2 ขา คือเที่ยวไปและกลับของแต่ละเส้นทาง เช่น เส้นทาง ย่างกุ้ง ปีนัง โฮจิมินห์ ฮานอย เวียงจันทน์ พนมเปญ บัตรโดยสารชั้นประหยัดเพิ่มขึ้น 768 บาท, ชั้นธุรกิจเพิ่มขึ้น 1,152 บาท และชั้น 1 เพิ่มขึ้น 1,280 บาท
ส่วนเส้นทาง โอซากา นาโกยา ฟุกุโอกะ โตเกียว ฮอกไกโด โซล ปูซาน บัตรโดยสารชั้นประหยัดเพิ่มขึ้น 2,560 บาท, ชั้นธุรกิจเพิ่มขึ้น 4,032 บาท และชั้น 1 เพิ่มขึ้น 4,800 บาท และเส้นทางที่ปรับราคาสูงสุดคือ ลอนดอน บัตรโดยสารชั้นประหยัดเพิ่มขึ้น 4,608 บาท, ชั้นธุรกิจเพิ่มขึ้น 9,280 บาท และชั้น 1 เพิ่มขึ้น 12,800 บาท
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบน่าจะทรงตัวที่ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งหากจะสูงกว่านี้จากข่าวปัญหาการเมืองโลกก็เป็นการชั่วคราวเท่านั้น เพราะกำลังการผลิตของโลกมีสูงและพร้อมผลิตสนองตอบความต้องการที่สูงขึ้น
ส่วนกรณีเงินเฟ้อของไทยเดือนสิงหาคม 2561 พุ่งสูงขึ้นที่ร้อยละ 1.62 ก็นับเป็นตัวเลขที่ไม่ได้สูงมากและผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)ไทยแม้ขยายตัวสูงก็อยู่ระดับร้อยละ 4.5 ไม่ได้สูงถึงร้อยละ 7-8 จนต้องใช้มาตรการดอกเบี้ยมาดูแล ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวก็ยังไม่ลงถึงระดับรากหญ้า ดังนั้น จึงเห็นว่าดอกเบี้ยยังไม่ควรขยับขึ้นจนถึงสิ้นปีนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี