คดีประวัติศาสตร์! ศาลแพ่งตัดสินให้‘ฟอร์ด’ชดใช้ผู้ใช้รถ เหตุรถไม่ได้มาตรฐาน
วันนี้ (21 กันยายน 2561) เวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา1005 ชั้น 10 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ. เจริญกรุง 63 นายโอภาส อนันตสมบูรณ์ อธิบดีอัยการผู้พิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นายรัฐวิชญ์ อนันตวิทยานนท์ เลขานุการศาลแพ่งกรุงเทพใต้ พร้อมองค์คณะ 3 คน อ่านคำพิพากษาคดีผู้บริโภค หมายเลขดำ ผบ.492/2560 ที่กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ฟอร์ดรุ่นเฟียสต้าและรุ่นโฟกัส จำนวน 308ราย ยื่นฟ้องบริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการสั่งผลิตและจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ดในประเทศไทย เป็นจำเลยเรื่องสั่งผลิตและจำหน่ายรถยนต์ชำรุดบกพร่อง สินค้าไม่ปลอดภัย ไม่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นไปตามคำโฆษณา ทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงอันตราย โดยโจทก์เรียกค่าเสียหายตามราคารถยนต์ ค่าซ่อม ค่าขาดประโยชน์การใช้รถ ค่าเสียหายเชิงลงโทษ และค่าเสียหายต่อจิตใจ สำหรับสมาชิกร่วมฟ้องทั้ง308ราย รวมเป็นเงินค่าเสียหายที่เรียกร้องประมาณ 600 ล้านบาท
ศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จในเวลา 11.15 น.โดยให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และสมาชิกกลุ่ม จำนวน 291 ราย เป็นค่าเสื่อมราคาจากการเข้าซ่อม และค่าขาดประโยชน์ในการใช้รถตามจำนวนวันที่เข้าซ่อม รายละตั้งแต่ 20,000 บาทเศษ ถึง 200,000 บาทเศษ ขึ้นกับระดับความเสียหายของรถแต่ละคัน พร้อมชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับแต่วันฟ้อง รวมการชดเชยเป็นเงินประมาณ 23 ล้านบาทเศษ และให้บังคับคดีตามคำพิพากษาให้เสร็จภายใน 7 วัน ทั้งนี้ ศาลให้ยกฟ้องสมาชิกจำนวน 12 ราย ที่มีการดัดแปลงระบบเชื้อเพลิงเป็นการใช้แก๊ส หรือไม่เคยได้รับการเปลี่ยนชุดคลัตช์และกล่องควบคุมเกียร์จากศูนย์บริการ
นายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายโจทก์ นำทีมทนาย โจทก์ และผู้เสียหายเกือบ 300 รายเข้าฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง โดยนายจิณณะ เปิดเผยว่า การยื่นฟ้องคดีแบบกลุ่มของผู้เสียหายจากการใช้รถยนต์ฟอร์ดครั้งนี้ ได้ยื่นฟ้องไปเมื่อวันที่3เม.ย. 60 และศาลได้รับฟ้องไปเมื่อเดือน พ.ค.61ที่ผ่านมา โดยเป็นการฟ้องตาม พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฉบับที่ 26 เรื่องการดำเนินคดีแบบกลุ่มที่เริ่มบังคับใช้เมื่อพ.ศ. 2558 และนับเป็นคดีประวัติศาสตร์ เพราะเป็นคดีแบบกลุ่มคดีแรกของประเทศไทยที่ศาลมีคำพิพากษา
“เราเคารพคำตัดสินของศาลในวันนี้สิ่งสำคัญคือทีมทนายและผู้บริโภคต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทำคดีนี้ให้เป็นคดีตัวอย่าง สร้างบรรทัดฐานไม่ให้ผู้ประกอบการหาช่องว่างเอาเปรียบผู้บริโภค และสังคมต้องไม่เพิกเฉยหรือยินยอมให้เกิดการเอาเปรียบ กว่าปีครึ่งที่ทุกคนร่วมต่อสู้กันมาและรอคอยวันนี้ เรามีหลักฐานความเสียหายที่เกิดกับผู้บริโภคที่ชัดเจน ดังนั้น ประเด็นหลักในวันนี้จึงไม่ใช่ผลทางคดีอย่างเดียว แต่เราอยากผลักดันพลังของผู้บริโภค ให้นำไปสู่การออกกฎหมายที่เป็นธรรมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน” นายจิณณะ กล่าว
นายกอปรศักดิ์ นุ่มน้อยหนึ่งในโจทก์ผู้ร่วมฟ้องคดีนี้ กล่าวว่า รอคอยวันนี้มานาน ที่ผ่านมาตนเองได้ทำหน้าเรียกร้องสิทธิของผู้บริโภคอย่างดีที่สุดแล้ว การต่อสู้ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นพลังความสามัคคีของทุกคน ทุกคนเคารพในคำตัดสินของศาล
“ทุกคนอยากเห็นกระบวนการเยียวยาอย่างสมเหตุสมผล และหวังว่าคดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่างให้สังคมตื่นตัวไม่ก้มหัวให้กับผู้ประกอบการที่จ้องจะเอาเปรียบ มันพิสูจน์ให้เห็นว่าคนเล็กคนน้อยกล้าลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ สามารถต่อกรกับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ ขณะเดียวกันหากไม่มีบทลงโทษ ไม่ควบคุมพฤติกรรมของผู้ประกอบการ การปัดความรับผิดชอบและการฉวยโอกาสก็จะเกิดขึ้นไม่จบสิ้น”นายกอปรศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ นางสาววราภรณ์ แช่มสนิท หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองเข้าร่วมกับกลุ่ม “เหยื่อรถยนต์” มาตั้งแต่ปี 2559 หลังประสบปัญหาการใช้รถยนต์ฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า และได้ร่วมกับสมาชิกกลุ่มเดินทางไปร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนกับหน่วยงานต่าง ๆ หลายแห่ง รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือใด ๆ สมาชิกกลุ่มจึงตัดสินใจรวมตัวฟ้องร้องต่อศาลกันเอง โดยได้รับความช่วยเหลือจากทีมทนายเอกชน
“พวกเราผู้บริโภครวมตัวต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมกันมานาน อย่างน้อยวันนี้พวกเราก็ภูมิใจที่ได้ต่อสู้ร่วมกันมา และได้พิสูจน์ให้สังคมเห็นแล้วว่า ผู้บริโภคชาวไทยไม่ได้นิ่งเฉยยอมให้ผู้ประกอบการเอารัดเอาเปรียบ และหวังว่าการต่อสู้ของกลุ่มเราจะช่วยยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศไทย ให้มีมาตรฐานดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา” นางสาววราภรณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี