นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังการหารือกับคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงานว่า วันที่ 25 กันยายน 2561 กระทรวงจะเปิดให้ผู้ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์มีสิทธิ์เข้าร่วมประมูลการสำรวจและผลิตแหล่งปิโตรเลียมระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (พีเอสซี) แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/2561 (แหล่งเอราวัณ) ที่จะหมดอายุสัมปทานปี 2565 และ G2/2561 (แหล่งบงกช) หมดอายุสัมปทานในปี 2566
“กำหนดให้ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมประมูลยื่นเอกสาร 4 ซองด้วยกันประกอบด้วย ซองที่ 1 เป็นซองด้านคุณสมบัติของผู้ประกอบการปิโตรตามกฎหมาย ซองที่ 2 การยอมรับเงื่อนไขให้ภาครัฐเข้าร่วมในสัดส่วน 25% ซองที่ 3 ข้อเสนอทางเทคนิค ประกอบด้วยแผนการลงทุน แผนการพัฒนาแหล่ง แผนช่วงรอยต่อ และแผนบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ซองที่ 4 ซองด้านผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ โดยจะใช้เวลาพิจารณา 2 เดือน คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการปิโตรเลียมปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาเห็นชอบประกาศชื่อผู้ได้รับสัมปทานและลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต (พีเอสซี) ทั้ง 2 แหล่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562”
“ขณะนี้เหลือเวลาแค่ 3 ปี และปี 2563จะต้องเลือกแท่นที่มีศักยภาพทั้งหมด 278 แท่น เพื่อส่งมอบให้ผู้ประกอบการ เงื่อนไขสำคัญคือผู้รับสัญญาสัมปทานต้องดำเนินงานได้ต่อเนื่องทันทีที่สิ้นสุดอายุสัมปทานในช่วงข้ามคืนวันที่ 23 เมษายน2565 เวลา 00.00 น. และเข้าสู่วันที่ 24 เมษายน 2565 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าจะผลิตก๊าซธรรรมชาติรวมกันสองแหล่งได้ในปริมาณไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ไม่ให้กระทบโรงแยกก๊าซและเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ รวมทั้งราคาต้องไม่กระทบต้นทุนค่าไฟฟ้าให้สูงไปกว่าปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 2.60 บาทต่อหน่วย” นายศิริกล่าว
การประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกช ครั้งนี้คาดว่าการพัฒนา 2 แหล่งนี้ จะสร้างผลประโยชน์ให้รัฐในรูปค่าภาคหลวง ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และส่วนแบ่งกำไร ประมาณ 800,000 ล้านบาทตลอดจนก่อให้เกิดการจ้างงานพนักงานคนไทย80% ในปีแรก และอย่างน้อย 90% ในปีที่ 5 ตามเงื่อนไขหลักสำคัญที่ระบุไว้ในการประกวดราคา ทั้งยังช่วยลดการนำเข้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ได้ประมาณ 22 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.6 แสนล้านบาท และยังก่อให้เกิดการลงทุนหมุนเวียนในประเทศอีกประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท
ส่วนกรณีที่สภาพลังงานเสนอให้จัดเวทีโต้วาทีกับรมว.พลังงานต่อสาธารณชนนั้น เห็นว่าอยู่นอกขอบเขตหน้าที่ของหน่วยงานราชการ ซึ่งไม่เหมาะสม หากกลุ่มไหนที่มีข้อสงสัยการเปิดประมูลสามารถสอบถามหรือยื่นข้อเสนอมายังกระทรวงพลังงานได้
ด้านนายบวร วงศ์สินอุดม รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.)ได้เข้าพบรมว.พลังงานเพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนให้เปิดประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกชให้สำเร็จ หากล่าช้าไปมากกว่านี้จะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมเพราะ ค่าไฟจะสูงขึ้นและอุตสาหกรรมเป้าหมายในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ก็จะไม่เกิดขึ้น
นางสาวอัปสร กฤษณะสมิต ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ปตท.หรือสร.ปตท. กล่าวว่าสร.ปตท.ต้องการให้รัฐบาลเร่งตัดสินใจในสิ่งที่จะทำให้ประเทศและประชาชนไม่เสี่ยงกับการขาดแคลนพลังงานหรือตกอยู่ในภาวะที่ต้องใช้พลังงานในราคาที่สูงเกินความจำเป็น จึงต้องการให้รัฐบาลทำตามแผนที่กำหนด
นายพนมทวน ทองน้อย รองประธานบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ หรือ สร.กฟผ. กล่าวว่า หวังให้การประมูลครั้งนี้เป็นธรรมโปร่งใส เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการนโยบายและแผนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ปัจจุบันกฟผ.ผลิตไฟฟ้าใช้ก๊าซธรรมชาติ 5 ล้านตันต่อปี ส่วนหนึ่งมาจากอ่าวไทย พม่า รวมถึงนำเข้ามาจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังมีโรงไฟฟ้าอื่นที่ไม่ใช่กฟผ. ก็ใช้ก๊าซจากอ่าวไทย หากการผลิตก๊าซมีความต่อเนื่องก็จะสามารถผลิตไฟฟ้าสร้างความมั่นคงให้กับประเทศได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี