นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.ว่า กกร.ได้ปรับเพิ่มอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจไทยหรือจีดีพีในปีนี้ขยายตัว 4.4-4.8% จากเดิม 4.3-4.8% แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตไม่สูงเท่าครึ่งปีแรก เนื่องจากการส่งออกและท่องเที่ยวเติบโตชะลอลง โดยการส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกขยายตัวสูง และคาดว่าช่วงที่เหลือของปี การส่งออกยังขยายตัวได้ดี จากคำสั่งซื้อสินค้าเพื่อรองรับเทศกาลปีใหม่ ทำให้กกร.ปรับการส่งออกขยายตัว 8-10% จากเดิม 7-10%
ขณะเดียวกันการที่ไทยจะมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลชุดใหม่ ต้องการรัฐบาลที่มีความโปร่งใส มีนโยบายที่สนับสนุนให้เอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และให้เอกชนทำธุรกิจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น
ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามคือข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่จะกระทบต่อการส่งออกไทย 0.6-0.8% ของจีดีพี พร้อมทั้งให้จับตาสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่จะกระทบต่อราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ หากภาครัฐจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนราคาน้ำมันต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะขณะนี้เงินกองทุนฯลดลงมากจาก 40,000 ล้านบาท เหลือ 20,000 ล้านบาท
“อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่ง และจะได้รับผลกระทบจากต่างประเทศไม่มาก และคาดว่าจะรับมือผลกระทบความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้”
นายกลินท์กล่าวว่า กกร.ได้มีการหารือถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทยลดลง โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 11.8% มีจำนวน 870,000 คน จากเดือนกรกฎาคม ที่มีจำนวน 930,000 คน จากเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต และสภาพเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลงปัญหาจากสงครามการค้า แต่ยังเชื่อว่าทั้งปี 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยจะถึง 10 ล้านคน ตามเป้าหมาย เพราะ 8 เดือนแรกปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนมาไทย 7.73 ล้านคน หรือขยายตัว 16.5%
พร้อมกันนี้ กกร.สนับสนุนให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงต่างประเทศ ประสานงานไปยังประเทศจีน เพื่อทำความเข้าใจทั้งเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต,คลิปรปภ.ทำร้ายนักท่องเที่ยวจีน และปัญหาการเก็บค่าต๋ง ซึ่งต้องหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว และสนับสนุนมาตรการดัมเบิ้ล เอ็นทรี่ วีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน หรือการยื่นขอวีซ่าเข้าไทย 1 ครั้ง เดินทางได้ 2 ครั้ง เพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนกลับคืนมา เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเป็นกรุ๊ปทัวร์มากกว่าเดินทางมาด้วยตัวเอง ที่สำคัญนักท่องเที่ยวจีนมีการใช้จ่ายต่อหัวสูงที่สุดเฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อคน เพราะนิยมพักโรงแรม 5 ดาว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการรัฐบาลที่พร้อมสนับสนุนภาคเอกชนในการทำธุรกิจให้ง่ายและมีความสะดวกมากขึ้น โดยรัฐบาลจะต้องดูแลการออกกฎหมายให้เอื้อต่อการทำการค้าของภาคเอกชน รวมถึงต้องกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น ไม่ให้กระจุกตัวอยู่เฉพาะในส่วนกลาง และรัฐบาลต้องมีความโปร่งใส
“หากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหาร ภาคเอกชนต้องการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งตั้งแต่การคิดโครงการ หรือมาตรการต่างๆ รวมถึงงบประมาณแต่ละโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และให้เอกชนทำธุรกิจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพเพื่อความโปร่งใสและเป็นหนึ่งเดียวกันในการบริหารประเทศ” นายสุพันธุ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี