nn สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์)....ยังละไม่ความพยายาม...ทวงถามความคืบหน้าการเปิดตลาดนำเข้าเนื้อหมูและเครื่องในจากสหรัฐอเมริกา ที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง แรคโตพามีนในการเลี้ยง....จากรัฐบาลไทย....จะให้พูดอีกอย่างก็คือยังคงกดดันรัฐบาลไทยต่อเนื่อง...เพื่อให้เปิดรับชิ้นส่วนเนื้อสุกรสหรัฐฯ...และยกข้ออ้างว่า...เป็นไปตามข้อกำหนดของคณะกรรมการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (CODEX Alimentarius Commission CAC)ที่กำหนดค่าสูงสุดที่อนุญาตให้มีได้ของสารเร่งเนื้อแดง....ทั้งๆ ที่มติการอนุญาตของโคเด็กซ์ ไม่เป็นเอกฉันท์ที่ 69/67 เสียง ในการกำหนดค่า MRL ของสารแรคโตพามีนที่ 10 ppb ในเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์....ซึ่งแน่นอนว่ามีสหรัฐฯอยู่เบื้องหลังการผลักดันให้กำหนดค่าสูงสุดดังกล่าวตั้งแต่กรกฎาคม 2555 เป็นต้นมาและเป็นหนึ่งในอาวุธทางการค้าที่สหรัฐฯนำมาใช้เจรจาผลักดันให้ประเทศคู่ค้าเปิดรับซื้อชิ้นส่วนสุกรสหรัฐฯ....
สารเร่งเนื้อแดง เป็นสารที่ช่วยทำให้สุกรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นโดยที่กินอาหารน้อยลง สุกรจะมีรูปร่างกำยำ มีกล้ามเนื้อมาก สีแดงสด มีไขมันน้อย...ซึ่งแน่นอนว่าขายได้ราคาดีกว่าชิ้นส่วนที่เป็นไขมัน....แต่มีผลข้างเคียงต่อตัวสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับในปริมาณมาก เพราะจะมีผลกระทบต่อการขยายตัวของหลอดลมและหลอดเลือด สัตว์เลี้ยงจะมีอาการตื่นตกใจง่าย กล้ามเนื้อขาสั่น และอาจถึงขั้นช็อกหมดสติได้..... สำหรับผู้บริโภคที่รับประทานเนื้อสัตว์ที่มีสารเร่งเนื้อแดงตกค้างอยู่ จะมีผลกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวมากกว่าปกติ จะมีความกระวนกระวาย วิงเวียน ใจสั่น และกล้ามเนื้อสั่นกระตุกจึงเป็นอันตรายอย่างมากต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคลมชัก และโรคเบาหวาน....ดังนั้นด้วยโทษและพิษภัยที่เกิดกับสัตว์เลี้ยงและผู้บริโภคอย่างมากมาย จึงเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันหาแนวทางป้องกันไม่ให้สารนี้มาทำร้ายผู้บริโภค....
The Guardian สื่อใหญ่ของอังกฤษ ได้นำเสนอเรื่อง Crucial antibiotics still used on US farms despite public health fears มีเนื้อหาเป็นเรื่องการรับประทานเนื้อสัตว์จากสหรัฐฯ ที่เสี่ยงกับปัญหาเชื้อดื้อยา เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์ของสหรัฐฯ มีการนำยาปฏิชีวนะสำหรับมนุษย์มาใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งหากรับประทานอย่างต่อเนื่อง อาจก่อให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา และเป็นอันตรายถึงชีวิต...ในเนื้อหาที่นำเสนอได้กล่าวถึงผลการตรวจสอบตัวอย่างเนื้อสัตว์ ของสำนักงานความปลอดภัยและการตรวจสอบอาหารของสหรัฐฯ ( Food Safety and Inspection Service : FSIS) ที่พบว่า การเลี้ยงสัตว์ในสหรัฐฯ ยังคงมีการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความต้านทานต่อยาปฏิชีวนะ และถือเป็นวิกฤติด้านสาธารณสุข รวมถึงสุขภาพของมนุษย์.... แม้ว่ากฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Food and Drug Administration : FDA) จะบังคับใช้ตั้งแต่ มกราคม 2560 ห้ามใช้ยาปฏิชีวนะในสัตว์เลี้ยง โดยไม่ได้รับใบสั่งยาจากสัตวแพทย์ แต่กลับพบตัวอย่างผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่มีการใช้ยาปฏิชีวนะเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนการออกระเบียบการห้ามใช้... นั่นหมายความว่า สหรัฐฯไม่เพียงเป็นแหล่งที่ผลิตเนื้อสัตว์ที่มีสารเร่งเนื้อแดง100% แล้ว ยังมีการใช้ยาปฏิชีวนะ ที่ถือเป็นอันตรายสูงต่อสุขภาพของผู้บริโภคด้วย...
สำหรับประเทศไทยนั้น มีกฎหมายห้ามการใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างเด็ดขาดมาเป็นเวลากว่า 16 ปี ตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2546 และกรมปศุสัตว์ยังตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสัตว์ เพื่อปราบปรามการลักลอบการใช้สารดังกล่าว...
หากพิจารณากันในมุมของพฤติกรรมการบริโภค คนสหรัฐฯ จะทานเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อ ต่างกับคนไทยที่ทานทุกชิ้นส่วน รวมถึงเครื่องในต่างๆ ซึ่งโคเด็กซ์ไม่ได้กำหนดค่าสูงสุดของสารเร่งเนื้อแดงนี้ในอวัยวะภายในของสัตว์ หรือเครื่องใน อาทิ ตับ ลำไส้ กระเพาะ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมสารพิษ....จึงต้องฝากถึงคณะกรรมการที่ร่วมวิเคราะห์ความเสี่ยงจากการบริโภคเนื้อหมูและเครื่องในที่มี
แรคโตพามีนตกค้าง ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 8 เดือน หรือประมาณต้นปี 2562 ได้พินิจพิเคราะห์ถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้นข้างต้นอย่างรอบคอบ รอบด้านด้วย....
ตอนนี้สหรัฐอเมริกา ที่เรียกตัวเองว่าเป็น“ตำรวจโลก”...แต่กลับทำตัวเหมือน “ผู้มีอิทธิพล” ระรานคนทั่วไป...ใช้อำนาจกดดันประเทศที่มีกำลังต่อรองน้อยกว่า....เรื่องที่กำลังกดดันไทยให้เปิดตลาดเนื้อและเครื่องในสุกรจากสหรัฐ....เท่ากับจงใจยื่นยาพิษที่ปนเปื้อนมากับเนื้อสัตว์ของตนให้กับคนบริสุทธิ์ ให้ตายผ่อนส่ง.....ซึ่งต้องบอกว่าโหดร้ายมาก....
ถึงตรงนี้รัฐบาลไทยไม่มีทางเลือกอื่น...นอกจากต้องแสดงจุดยืนต่อต้านให้ชัดเจน ปฏิเสธการนำเข้าเนื้อหมูและเครื่องจากสหรัฐให้ถึงที่สุด โดยยึดตามกฎหมายไทยและสุขภาพของไทยเป็นที่ตั้ง เพื่อปกป้องความปลอดภัยในชีวิตของคนไทย...แต่ถ้ายอมตามสหรัฐ...ก็เท่ากับว่า“รัฐบาลไทย”คือผู้ที่หยิบยื่นยาพิษมาฆ่าคนไทยด้วยกันเอง....
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี