นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเจ มาร์ท หรือ JMART เปิดเผยถึงแผนธุรกิจ ปี 2562 ว่า อยู่ระหว่างดำเนินการและจะนำเข้าเสนอคณะกรรมการบริษัทได้ในปลายเดือนตุลาคมนี้ เบื้องต้นมั่นใจรายได้และกำไรจะดีกว่าปี 2561 หลังปรับฐานธุรกิจเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นประกอบกับจะนำหุ่นยนต์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในต้นปีหน้าหลังจากตลาดสมาร์ทโฟนมีกำไรน้อยและการแข่งขันสูง
สำหรับผลการดำเนินในปีนี้จะใกล้เคียงกับปี 2560 ที่มีรายได้ 13,236.85 ล้านบาท และพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ซึ่งครึ่งปีแรกทำรายได้ไปแล้ว 6,496.48 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 142.72 ล้านบาท หลังช่วงไตรมาสแรกมีการตั้งสำรองจากบริษัทลูก JMT ผู้ประกอบการธุรกิจติดตามหนี้และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และ SINGER ผู้ประกอบการเช่าซื้อ
“ช่วงไตรมาส 4/61 จะพลิกกลับมามีกำไร จากครึ่งปีแรกที่ขาดทุน 142.72 ล้านบาท เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น และจะเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple ปลายปีนี้ซึ่งจะเข้ามากระตุ้นยอดขาย” นายอดิศักดิ์ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีสาขทั้งสิ้น 206 สาขา ช่วงที่เหลือจะเปิดอีก 10 สาขา เน้นในห้างสรรพสินค้างบลงทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ล้านบาทต่อสาขา จะส่งผลให้ภายในสิ้นปีนี้มีสาขาทั้งสิ้น 216 สาขา
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือ ฟีโบ้ (FIBO) เพื่อเซ็นสัญญาร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ UBTECH ผู้นำทางการผลิตหุ่นยนต์ระดับโลก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโปรแกรมภาษาไทย คาดว่าจะนำเข้ามาจำหน่ายช่วงต้นปี 2562 โดยบริษัทจะเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักในประเทศไทย ปัจจุบันได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้า เช่น โรงพยาบาล โรงภาพยนตร์ โรงเรียน และร้านค้ารีเทล
ราคาขายเฉลี่ยจะขึ้นอยู่กับขนาดและความสามารถในการใช้งานหากเป็นขนาดใหญ่จะมีราคาขายขั้นต่ำที่ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทต่อตัว ขนาดกลางที่ใช้ในร้านค้าทั่วไปอยู่ที่ 3-4 หมื่นบาทต่อตัว และขนาดเล็กที่ใช้ในอุตสาหกรรมโรงพยาบาลจะเริ่มต้นที่ 1 หมื่นบาทต่อตัว เบื้องต้นคาดยอดขายช่วงปีแรกไว้ที่ประมาณ 1 หมื่นตัว และใน 5 ปีข้างหน้าจะมียอดขายหุ่นยนต์เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1-3 แสนตัวต่อปี บริษัทมองว่า สินค้าประเภท ROBOT จะให้กำไรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 30-40%
“เรามองเห็นถึงแนวโน้มการนำนวัตกรรมหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่นเดียวกับการใช้โทรศัพท์มือถือที่ในอดีตราว 20 ปีก่อนมีจำหน่ายเพียง 2 แสนเครื่อง แต่ปัจจุบันขายได้มากกว่า 20 ล้านเครื่อง ของทั้งอุตสาหกรรม ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการทดแทนบุคลากรในองค์กร รวมทั้งลดต้นทุนทางบุคลากรลงซึ่งคิดเป็นอัตราที่ 20-30% ของต้นทุนค่าใช้จ่ายรวม แต่คงไม่สามารถทดแทนแรงงานบุคคลได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับเราจะนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้งานมากน้อยเพียงใด” นายอดิศักดิ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี