“ดีแทค” เผยผลประกอบการไตรมาส 3/2561 ขาดทุนอ่วม 921 ล้านบาท ประกาศปรับประมาณการผลประกอบการสำหรับปี 2561 โดยปรับลดรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC ลงในระดับตัวเลขหลักเดียว
17 ต.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค แจ้งผลประกอบไตรมาส 3/2561 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ในไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 17,963 ล้านบาท ลดลง 4.5% จากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อน และลดลง 4.3% จากไตรมาสที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการลดลงของรายได้จาก การจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์และรายได้จากการให้บริการ ซึ่งสามารถชดเชยได้บางส่วนจากรายได้จากการดำเนินงานอื่นที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้รายได้จากการดำเนินการไม่รวมต่อโครงข่าย อยู่ที่ 15,667 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้จากการให้บริการอื่นที่ลดลง ในขณะที่รายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย ลดลง 2.3% จากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการลดลงของทั้งรายได้จากบริการหลัก รายได้จากบริการข้ามแดนอัตโนมัติ และรายได้จากการให้บริการอื่น
สำหรับไตรมาส 3/2561 บริษัทมีผลขาดทุนอยู่ที่ 921 ล้านบาท อัน เป็นผลจากอัตรากำไร EBITDA ที่ลดลงรวมและค่าเสื่อมราคาและค่าตัด จำหน่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงรายการพิเศษจากค่าตัดจาหน่ายที่เป็นผลจากการระงับข้อพิพาทท่ีเก่ียวข้องกับกรรมสิทธิ์ในเสา โทรคมนาคมกับ บริษัท กสท.โทรคมนาคม ขำกัด (มหาชน) หรือ CAT
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 จำนวนฐานลูกค้ารวมอยู่ที่ 21.3 ล้านราย ประมาณ 99% ของจำนวนนี้ได้ลงทะเบียนภายใต้ดีแทค ไตรเน็ต (DTN) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดีแทคที่ได้รับใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 2100 MHz จาก กสทช. การเพิ่มพื้นที่ให้บริการโครงข่าย ‘dtac-T Turbo’ (ดีแทคเทอร์โบ) ก็เดินหน้าได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้ โดยมีจำนวนสถานีฐานที่ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้วเกือบ 6,000 สถานีฐาน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2561 นอกเหนือจากนั้น ดีแทคยังได้พัฒนาโครงข่าย 2100 MHz อย่างต่อเนื่องทั้งในการเพิ่มพื้นที่การครอบคลุมสัญญาณ และความจุของโครงข่าย ซึ่งโครงข่ายโดยรวมของดีแทคครอบคลุม 94% ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ ดีแทคยังให้บริการแก่ลูกค้าด้วยความจริงใจ และซื่อสัตย์ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน และได้มีการสื่อสารกับลูกค้าอย่างเข้มข้นก่อนที่สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดลง
นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า เรามีการเตรียมการในช่วงสิ้นสุดสัมปทานไว้เป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าของเราจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เป้าหมายสำคัญในตอนนี้คือ การเพิ่มพื้นที่ให้บริการโครงข่าย 2300 MHz และการโอนย้ายลูกค้าที่เหลือมาใช้บริการบนโครงข่าย DTN ด้วยโอกาสในการครอบครองช่วงคลื่นความถี่ต่ำเพิ่มขึ้นเพื่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของพอร์ทคลื่นความถี่ที่ให้บริการ ดีแทคจะอยู่ในตำแหน่งที่ดียิ่งขึ้นในการแข่งขัน และก้าวทันการเติบโตของตลาดได้
นายดิลิป ปาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงินของดีแทค กล่าวว่า แม้ว่าเราได้ลงทุนอย่างหนักเพื่อเร่งการเพิ่มพื้นที่ให้บริการโครงข่ายความถี่ 2300 MHz กระแสเงินสดจากการดำเนินการของเรายังคงแข็งแกร่ง รายได้จากการให้บริการยังถูกกดดันชั่วคราวจนถึงปลายไตรมาสที่สาม เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการหมดอายุสัญญาสัมปทาน อย่างไรก็ตาม เราบริหารจัดการรักษา EBITDA margin ให้อยู่ในระดับเหนือกว่า 40% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ฐานะทางการเงินของเราอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และยืดหยุ่นต่อการลงทุนในอนาคต
โดยดีแทคได้ปรับประมาณการผลประกอบการสำหรับปี 2561 โดยปรับลดรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC ลงในระดับตัวเลขหลักเดียว, EBITDA margin อยู่ในช่วง 36%-38%, และ CAPEX อยู่ในช่วง 18,000 – 20,000 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี