เปิดฉากงาน “CEATEC Japan 2018” เช็ค Iot ยุทธศาสตร์การเติบโตและวิสัยทัศน์ของญี่ปุ่นสู่สังคมอัจฉริยะล้ำสมัยในอนาคต
งาน CEATEC Japan 2018 (Combined Exhibition of Advanced Technologies) เป็นงานนิทรรศการและสัมมนาภายใต้กรอบ IoT และ Cyber Physical Systems (CPS) โดยความหมายของ CPS จะหมายเครื่องมือ เครื่องจักรที่กำลังเข้าอยู่ยุคสมัย Cyber ที่มีระบบการคำนวณ ประมวลผลอยู่ภายในแต่ยังไม่ได้มีการเชื่องโยงเข้าหากันเป็นเครือข่าย แต่เมื่อเชื่อมโยงกันผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตก็จะเรียกว่าเป็น IoT
อย่างไรก็ตามในระยะหลังมีการพูดถึงคำศัพท์ Smart Factory หรือโรงงานอัจฉริยะ ก็จะมีการเกี่ยวโยงกับสองคำนี้โดยในส่วนของ IoT จะเป็น IIOT (Industrial Internet of Thing) หรือ IoTสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยในส่วนของ CPS ก็จะเน้นลงมาเป็นCyber-Physical Production Systems (CPPS) หรือ CPS ที่ใช้ในการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม
ดังนั้นงาน CEATEC Japan เริ่มต้นขึ้นในปี 2000 ที่มีการรวมกันของงานนิทรรศการสำคัญทางด้านเทคโนโลยีของญี่ปุ่นสองงานเข้าด้วยกัน คืองาน Com Japan และงาน Japan Electronics show โดยจะอยู่ภายใต้งานแสดงสินค้าอิเลกทรอนิคส์และคอมพิวเตอร์ ในปี 2016 ได้มีการเปลียนแปลงแนวทาง โดยมุ่งเน้นไปที่เรื่อง IoT และ CPS ซึ่งเป็นแนวโน้มใหม่ของโลกเพื่อแสดงให้เห็นยุทธศาสตร์การเติบโตและวิสัยทัศน์ของญี่ปุ่นสู่สังคมอัจฉริยะล้ำสมัยในอนาคต
โดยในปี 2018 นี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมจากหลายหลายภาคส่วนอุตสาหกรรมมามากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นคน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์ร่วมกันและพัฒนาเข้าสู่สัมคม ตามนิยาม Society 5.0 ที่จะเป็นสังคมที่มีความฉลาดในการที่จะออกแบบพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตไปพร้อมๆกับการแก้ปัญหาทางสังคมด้วย ดังนั้นในงาน CEATEC จะมีทั้งภาครัฐที่จะมีการกำหนดนโยบาย ภาคอุตสาหกรรมโรงงานต่างๆ และเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่ด้วยกัน เพื่อนำเสนอสู่ประชาคมนานาชาติ ถึงต้นแบบในการสร้างอนาคตต่อไป
ภายในงานมีการแบ่งนิทรรศการออกเป็น สามโซนด้วยกันคือ โซนแรก Total Solution แสดงให้เห็นทิศทางในการนำเอา IoT/CPS รวมทั้งโซลูชั่นต่างๆ มาพัฒนาให้เข้าสู่ Society 5.0 (ultra-smart society) “สังคมยุค 5.0 (สังคมสุดยอดอัจฉริยะ) โซนสอง จะเป็นการแสดงอุปกรณ์หรือโซลูชั่นบนเทคโนโลยีล้ำสมัยเช่น 5G, Cyber Security, AI, Big DATA และโซนสาม จะเป็นการแสดงต้นแบบของอุตสาหกรรมต่างๆ หรือตลาดในการนำเอา IoT/CPS มายกระดับเช่น Smart Factory, Smart Work, , Smart Life
ขณะเดียวกันคณะผู้แทนจาก กสทช. ยังได้เข้าร่วมการประชุม 3GPP Summit ซึ่งเป็นเวทีหารือ เพื่อกำหนดมาตรฐานในอนาคตเพื่อต่อยอดเทคโนโลยี 5G และงานนิทรรศการ CEATEC JAPAN 2018 ซึ่งเป็นงานแสดงผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และสื่อสารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงตัวอย่างการใช้งานเทคโนโลยี 5G และ IoT (Internet of Things)
นอกจากนี้ กสทช.และองค์กร The Fifth Generation Mobile Communication Promotion Forum (5GMF) แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงร่วมกัน หรือ LoI (Letter of Intent) โดย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.และศาสตราจารย์กิตติคุณ Susumu YOSHIDA ประธาน 5GMF ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการ กสทช.ร่วมเป็นสักขีพยาน
ทั้งนี้ การร่วมลงนามดังกล่าว เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนแนวทางในการสนับสนุนให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีสื่อสาร 5G ในทั้ง 2 ประเทศ รูปแบบการประยุกต์ใช้งานรูปแบบใหม่ การวิจัยและพัฒนา รวมถึงประสบการณ์ในการทดสอบภาคสนามเพื่อวิเคราะห์โอกาสและอุปสรรคก่อนการลงโครงข่ายเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะสามารถนำมาพิจารณาปรับใช้กับประเทศไทยได้
โดยมีกรอบความร่วมมือในการสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G, วิเคราะห์แนวทางการใช้งานของเทคโนโลยี 5G, หารือแนวทางการพัฒนามาตรฐานของเทคโนโลยี 5G ในอนาคต, หารือในประเด็นคลื่นความถี่สำหรับ 5G, แลกเปลี่ยนแนวทางการสร้างรูปแบบการบริการผ่านโครงข่าย 5G,ร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและผลักดันมาตรฐาน 5G ในเวทีนานาระดับชาติ และจัดการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลผลการดำเนินการและกิจกรรมที่ส่งเสริมเทคโนโลยี 5G ในทั้ง 2 ประเทศ ให้ภาคประชาชนได้รับทราบ
นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า สำนักงาน กสทช.คาดว่ากิจกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี 5G และการพัฒนาการประยุกต์ใช้งานรูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย สามารถก้าวไปพร้อมกับกลุ่มประเทศผู้นำ และผู้ผลิตเทคโนโลยี 5G ได้
สำหรับการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงร่วมกันในครั้งนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องกับการประชุม International Workshop on the Fifth Generation Mobile Communications Systems (5G) 2018 ซึ่งจัดโดย กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่น (Ministry of Internal Affairs and Communications: MIC) และ 5GMF ณ จังหวัด ชิบะ ประเทศญี่ปุ่น โดยการประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคืบหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G และการทดสอบภาคสนามและการประยุกต์ใช้งานที่เกี่ยวข้องก่อนการเปิดตัวเชิงพาณิชย์ในประเทศญี่ปุ่น พร้อมทั้งร่วมกำหนดแนวทางการสร้างความร่วมมือภายในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้งานเทคโนโลยี 5G ในประเทศญี่ปุ่น
ภายในปี 2563 ตามที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายไว้
ขณะเดียวกัน ผลจากการประชุมครั้งนี้ สำนักงาน กสทช.ได้รับทราบความคืบหน้าและถอดบทเรียนการพัฒนาเทคโนโลยี 5G และแนวทางในการสนับสนุนให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยี 5G ในภาคปฏิบัติจากกลุ่มประเทศผู้นำในการพัฒนาและผลิตเทคโนโลยี 5G โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาและผลักดันเทคโนโลยี 5G และผลการทดสอบภาคสนามของเทคโนโลยี 5G ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินการโดยผู้ให้บริการโทรคมนาคม บริษัทผู้ผลิต ภาครัฐบาล และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาจัดทำการทดสอบภาคสนามของเทคโนโลยี 5G ในประเทศไทยต่อไป
นอกจากนี้ ในการประชุมดังกล่าวผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักในประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ NTT DOCOMO, KDDI และ Softbank ได้รายงานสรุปผลการดำเนินงานในการทดสอบระบบ 5G เช่น KDDI และ NEC ดำเนินการทดสอบการใช้เทคโนโลยี 5G เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเครื่องจักรก่อสร้างและห้องควบคุม ทำให้สามารถควบคุมเครื่องจักรระยะไกลแบบ Real-time ซึ่งช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างน้อย 15% และ Softbank นำระบบ 5G มาใช้ในการบริหารขบวนรถขนส่งสินค้า logistics ทำให้รถสินค้าสามารถสื่อสารระหว่างกันได้โดยอัตโนมัติ โดยใช้คลื่นความถี่ย่าน 4.5 GHz (4.4-4.9 GHz) และ 28 GHz (27.5-29.5 GHz) เป็นคลื่นความถี่หลัก รวมทั้งย่าน 3.4-3.6 GHz
ทั้งนี้ NTT Docomo ทดลองให้บริการในไตรมาส 3/62 และกำหนดเปิดตัวใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี 2563 พร้อมกับ Softbank และ KDDI ที่กำหนดเปิดตัวใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี 2563
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี